ชาวบ้าน 2 กลุ่ม เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม ถูกนายทุนปล่อยเงินกู้ ปลอมแปลงเอกสารที่ดิน
5 ส.ค. 2562, 19:21
วันนี้ ( 5 ส.ค. 62 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอบ่อพลอย อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 2 กลุ่ม เดินทางพร้อมทีมทนายความจิตอาสา เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ว่าถูกนายทุนปล่อยเงินกู้ ที่ชาวบ้านได้ทำสัญญาเงินกู้ในวงเงินหลักหมื่นบาท แต่สุดท้ายไปไถ่ถอนเพื่อขอเอกสารสิทธิ์ที่ดินคืนพบว่าทางนายทุนปล่อยกู้แจ้งยอดเงินจากหลักหมื่นเป็นหลักแสน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวเดือดร้อน เข้าไปร้องขอความเป็นธรรม
โดยการเดินทางไปของกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกับการกู้เงินนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม ประมาณ 50 ราย โดยมีประมาณ 10 ราย ทางเจ้าหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้เชิญมาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างชาวบ้านที่ทำสัญญากู้เงินกับทางนายทุนปล่อยกู้ โดยจะมีทั้งกลุ่มชาวบ้านและข้าราชการที่ปล่อยเงินกู้ ผลสรุปการเจรจาบางส่วนระหว่างนายทุนปล่อยกู้ กับชาวบ้านสามารถตกลงกันได้ และนัดวันจ่ายชำระกันก่อนจะมีการคืนเอกสารที่ดินทำกินคืนตามที่คณะกรรมการชุดไกล่เกลี่ยได้เจรจาในการประชุมตกลงกันครั้งนี้ หากผิดนัดกันก็จะต้องดำเนินคดีตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
ส่วนบางรายไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากมีการปลอมแปลงเอกสารใบที่ดินเปลี่ยนจากเจ้าของเดิมที่ไปทำสัญญากู้เงิน ไปเป็นของนายทุนปล่อยเงินกู้ เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดไกล่เกลี่ยแจ้งกับประชาชนที่ทำการกู้เงินว่าจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยเพราะมีการเปลี่ยนชื่อเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินไปแล้วไปแล้ว แต่ไม่มีปัญหาทางคณะกรรมการชุดไกล่เกลี่ยจะเข้าไปดำเนินการให้ตรงจุดนี้ ทำให้ชาวบ้านพอใจในเรื่องนี้
และมีบางรายที่ได้ถูกกลุ่มนายทุนได้สมรู้ร่วมคิดกันกับทางเจ้าหน้าหน่วยงานของรัฐไปเปลี่ยนเอกสารใบที่ดินทำกินจากเจ้าของเดิมไปเป็นของนายทุนเงินกู้โดยไม่แจ้งให้เจ้าของที่ดินที่ไปกู้เงินทราบทั้งๆ ที่สัญญาการกู้เงินยังไม่ขาด โดยส่วนนี้ได้มีการไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับทางสถานีตำรวจไว้แล้ว ซึ่งประชาชนที่ไปแจ้งความแล้วบอกว่าจะเอาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รู้เห็นร่วมกันเปลี่ยนเอกสารที่ดินให้ถึงที่สุด ซึ่งประชาชนเดือดร้อนกลุ่มนี้ได้มีกลุ่มทนายอาสาเข้าไปช่วยดำเนินการเรื่องการฟ้องร้องให้กับประชาชนเหล่านี้ด้วย
นางวณิชากร เศรษฐรัช ทีมทนายอาสา ได้กล่าวว่า เนื่องจากได้ไปพบกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่ไปแจ้งความร้องทุกข์กรณีถูกนายทุนปล่อยเงินกู้ทำการเปลี่ยนเอกสารที่ดิน และยอดเงินกู้จากหลักหมื่นเป็นหลักเฉียดล้านบาท ทั้งๆ ที่สัญญายังไม่ทันหมด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกับปัญหานี้เป็นจำนวนมาก ทางกลุ่มทนายอาสาได้รับการร้องขอจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชาวบ้านไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ จึงได้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องนี้แก่ประชาชน
และทางกลุ่มทนายอาสากลุ่มนี้เดินทางมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อจะขอทราบว่ามีการไกล่เกลี่ย เรื่องนี้ทราบว่าทางคณะกรรมการได้เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องมาร่วมเจรจากันภายในห้องดาวดึงภายในชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยกลุ่มทนายอาสาจะขอเข้าไปเพื่อรับฟังปัญหาดังกล่าวนี้กับประชาชน แต่ทางเจ้าหน้าที่คณะชุดไกล่เกลี่ยไม่ยินยอมให้เข้าไป
สาเหตุเนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องตามเจตนารมณ์กับการไกล่เกลี่ย มันคนละขั้นตอนกัน ในส่วนนั้นเป็นเรื่องของคดีไปแล้ว เนื่องจากได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต้องเป็นขั้นตอนของคดีอาญาไปแล้ว ก็ต้องไปว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง เนื่องจากในส่วนการเจรจาไกล่เกลี่ย ทนายอาสา ก็ไปดำเนินเกี่ยวกับที่มีชาวบ้านบางรายไปแจ้งความเท่านั้น แม้เป็นนายทุนปล่อยกู้จะเป็นรายเดียวกันก็ตาม จะต้องแยกกันไปว่ากันตามขั้นตอนทางกฎหมายของศาลต่อไป
สำหรับนายมูล เนตรนิยม อายุ 85 ปี บอกว่า ตนเองได้ถูกบุคคลกลุ่มนี้ให้ทำการพิมพ์รายนิ้วมือ โดยแจ้งว่าจะไปทำเรื่องที่ดินให้ลูกชาย ตนเองไม่คิดอะไรจึงลงรายนิ้วมือ ไม่คิดว่าจะถูกหลอก เมื่อรู้ก็สายไปแล้ว ทั้งๆ ที่คนมาบอกนั้นก็เป็นญาติกันตนเองก็ไม่รู้หนังสือด้วย
และนายกัณหา เนตรนิยม อายุ 50 ปี บุตรชาย เป็นรายที่ได้ไปแจ้งความได้นำเอกสารการต่างๆ การเปลี่ยนแปลงที่ดินของตนเองมาโชว์ให้กับสื่อได้ดู จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ และบอกว่าตนเองกับพ่อได้เดินทางไปร้องถึงในกระทรวงยุติธรรม และอีกหลายหน่วยงาน รวมถึงสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ มาแล้ว และได้รับการแนะนำจากกระทรวงยุติธรรมว่า ให้มาร้องยังศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ ตนก็ดำเนินการทุกขั้นตอนหมดแล้ว เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ โดยตนเองจะสู้กับเรื่องนี้เอาคนผิดมารับโทษให้ได้