รวบ 4 เมียนมา ขนสินค้าหนีภาษีข้ามกำแพงชายแดนกาญจน์กลางดึก
29 ม.ค. 2564, 11:29
เมื่อกลางดึกวันที่ 28 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ร่วมกับ ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 4 คน ซึ่งประกอบด้วย
1.นาย ทอง ไม่มีนามสกุล อายุ 19ปี บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
2.นาย อาว อายุ 37 ปี เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
3.นายมิน มิน อายุ 41 ปี เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
4. นาย ทอง อายุ 19 ปี เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
ลักลอบนำสินค้าหนีภาษาเข้ามาในราชอาณาจักร บริเวณข้างกำแพงวัดพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยมีรายละเอียดดังนี้ ของกลางที่ยึดได้ประกอบด้วย
1. รองเท้า 20 กระสอบ จำนวน 506 คู่
2. เสื้อชุดแขนยาวสีขาว 2 กระสอบ จำนวน 400 ตัว
3. กางเกงสแล็คขายาว 7 กระสอบจำนวน 490 ตัว
4. เสื้อคอเต่า 2 กระสอบ จำนวน 220 ตัว
5. กางเกงเหล่าช่างอากาศ 6 มัด จำนวน 90 ตัว
6. เสื้อสีฟ้า จำนวน 64 ตัว
7. รถซาเล้งฮอนด้าเวฟสีฟ้า 110 ซีซี ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขขก.268 ระยอง
8. รถบรรทุก บริษัททิพย์ไพบูลย์ขนส่งจำกัด 1 คัน
สำหรับพฤติกรรม ก่อนเข้าจับกุมขณะมราทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า บก.ควบคุมส่วนลาดตระเวน ได้ทำการออกลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบจนถึงบริเวณ หลังวัดพระเจดีย์สามองค์ ม.9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ตรวจพบ ชาย 4 คน กำลังขนกระสอบใส่รถซาเล้ง เเละนำไปเก็บรวบรวมในรถบรรทุก โดยใช้เส้นทางจากกำแพงด้านหลังวัด ออกไปทางประตูหน้าวัด และใช้เส้นทางหมายเลข 323 เพื่อนำกระสอบจำนวนหลายใบไปขนขึ้นรถบรรทุก บริเวณ ซ.พาณิชย์ 8 บ.พระเจดีย์สามองค์ จึงทำการซุ่มเพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้ต้องหาจนแน่ชัด แล้วจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นสินค้าหนีภาษานำมาจากฝั่งประเทศเมียนมา ข้ามมายังฝั่งไทย จึงทำการจับกุม
จากการซักถามผู้ต้องหาให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากบุคคลรายหนึ่งฝั่ง บ.พญาตองซู อ.พญาตองซู ให้มาขนของหนีภาษีจากบนบริเวณหลังวัดพระเจดีย์สามองค์ในเวลากลางดึกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจตราจาก จนท. แต่ขณะกำลังขนของข้ามกำแพงวัดผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้าตรวจพบก่อน จากการขยายผลพบว่าสินค้าทั้งหมดที่ยึดได้ เป็นของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มีโรงงานผลิตในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ จึงนำผู้ต้องหาและสิ่งของทั้งหมดที่ยึดได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินการสืบสวนเจ้าของสินค้าทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งในอดีตสถานประกอบการเหล่านี้อาศัยแรงงานชาวเมียนมา ที่ข้ามแดนเข้ามาทำงานแบบเช้าไป เย็นกลับ แต่ภายหลังเกิดวิกฤติโควิด 19 คณะกรรมการควบคุมโรค จ.กาญจนบุรี โดยนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ได้ประกาศปิดชายแดน ส่งผลให้แรงงานชาวเมียนมา ไม่สามารถข้ามแดนเข้ามาทำงานได้ ส่งผลให้ที่ผ่านมาสถานประกอบการบางแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ใช้วิธีส่งวัสดุ อุปกรณ์ ลงไปเช่าสถานที่ในพื้นที่ กิ่ง อ.พญาตองซู ซึ่งอยู่ติดกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อผลิตสินค้าก่อนลักลอบนำสินค้าที่ผลิตแล้วเสร็จ ส่งกลับเข้ามาโดยใช้ช่องทางประตูหลังบ้าน และประตูหลังโรงงาน ต่างๆที่อยู่ติดชายแดนในลักษณะเปิดประตูก็เป็นประเทศเมียนมา เลยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ปกครอง พยายามขอความร่วมมือผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ให้ช่วยกันสอดส่อง พร้อมทั้งจัดกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ แต่ติดตรงที่ช่องทางเหล่านี้อยู่ในเคหะสถานและพื้นที่ส่วนบุคคล
และเมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา พล.ตรี บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 (กองกำลังสุรสีห์) ได้สั่งการให้ พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี พร้อมตัวแทน หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการโรงงาน ประชาชนในพื้นที่ ได้ประชุมหารือกันเพื่อวางมาตรการในการป้องกันโควิต 19 การลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าว ยาเสพติด สินค้าหนีภาษี และการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไปขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยผ่านช่องทางต่างๆในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ก่อนจะนำสู่มาตรการให้ฝ่ายทหาร ปกครอง ตำรวจ เข้าดำเนินการปิดประตูหลังบ้านของชาวบ้านและสถานประกอบการ ทั้ง 36 แห่ง ที่สามารถเข้า-ออก ชายแดนได้ พร้อมตั้งคณะกรรมการทำงานตรวจสอบร่วมกัน
ขณะที่วานนี้ 28 มกราคม 2564 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ได้มีคำสั่งผ่อนปรนให้มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าอุปโภค บริโภค ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อผ่อนคลายความเดือดร้อนของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ (ไทย-เมียนมา) ในช่องจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ จุดผ่อนปรนทางการทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทั้งนี้ให้ดำเนินการในลักษณะชนท้าย และให้อยู่ภายใต้มาตรการ การควบคุมโรคโคโรน่าไวรัส 2019 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนด./