"ผู้การสุราษฎร์" ฟันออกจากราชการ "สิบเวร" ข่มขืนสาวชาวเมียนมา
15 ม.ค. 2564, 15:50
ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 8 เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ภายในห้องขัง และในห้องงานจราจร สภ.บ่อผุด ที่สิบเวร ได้นำตัวผู้ต้องหาชาวเมียนมา ออกมาจากห้องขังบังคับข่มขืน โดยทางตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บหลักฐานต่างๆบนโซฟา เพื่อนำหลักฐานไปประกอบคดีและสำนวน เพื่อเอาผิดกับสิบเวร ขณะที่ วงจรปิดใน สภ.หลักฐานอย่างดีมัดตัว สิบเวรฉาว
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2564 พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 8 เดินทางลงพื้นที่ สภ.บ่อผุด เพื่อติดตามคดี จากกรณี ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ผบ.หมู่งาน สส.สภ.บ่อผุด ปฎิบัติหน้าที่สิบเวร ได้ก่อเหตุ ได้นำตัว น.ส.โมโม อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ที่ถูกคุมขังในสภ.บ่อผุด เพื่อรอผลักดันออกนอนราชอาณาจักร โดย ด.ต.วัชรินทร์ ได้นำตัวผู้เสียหายออกจากห้องขังมาบังคับข่มขืนกระทำชำเรา ภานในห้องงานจราจร ที่อยู่ติดกันกับห้องขัง
ซึ่งทาง พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 8 ได้เดินทางไปดูภายในห้องคุมขังผู้ต้องหา ที่มีผู้ต้องหาจำนวน 16 คน เป็นชาย 14 คน ผู้ต้องหาหญิงจำนวน 2 คน รวมทั้ง น.ส.โมโม ผู้เสียหาย จากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเดินเข้าไปตรวจภายในห้องงานจราจร ซึ่งเป็นห้องที่ ด.ต.วัชรินทร์ นำผู้เสียหายไปบังคับข่มขืน บนโซฟา ภายหลังจากที่ตรวจดูที่กเกิดเหตุ จึงได้เรียกนายตำรวจ สภ.บ่อผุด ร่วมประชุม เพื่อตรวจดูคดี โดยใช้เวลาการประชุม 2 ชั่วโมง และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพขณะฟังรายงานประชุมแต่อย่างใด
ต่อมาภายหลังจากประชุมเสร็จ ทาง พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าว ว่า ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 24.00 น.ขณะที่ผู้เสียหายชื่อ น.ส.โมเน่นิว สัญชาติพม่า อยู่ในห้องควบคุม พบผู้ต้องหา คือ ด.ต.วัชรินทร์ มารับเปลี่ยนเวร ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรประจำสถานี จึงได้พูดคุยกัน จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.50 ด.ต.วัชรินทร์ ผู้ต้องหา ได้เปิดประตูห้องขังพาตัวผู้เสียหาย แต่เพียงผู้เดียวออกจากห้องควบคุม พาไปยังห้องปฏิบัติการจราจร ซึ่งอยู่ในตัวอาคาร สภ.บ่อผุด จากนั้นได้บังคับ ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายไป 1ครั้ง หลังเสร็จกิจ จึงพาผู้เสียหายไปควบคุมต่อ จนเช้าวันที่ 13 มกราคม ผู้เสียหายจึงได้แจ้งให้ญาติทราบเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี ผู้ต้องหาตามกฎหมาย หลังจากรับแจ้งเหตุแล้ว พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทนงค์ศักดิ์ อักษรสม พ.ต.ท.จารุ เพ็ชรปาน รอง ผกก.สอบสวน, พ.ต.ต.แดนชัย บุญธรรม ได้สอบสวนปากคำ พร้อมนำผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.เกาะสมุย ผลเบื้องต้น พบว่ามีร่องรอยการถูกกระทำชำเราจริง จึงรับคำร้องทุกข์ตามคดีอาญาที่ 34 /2564
จึงได้ติดตามตัว ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้ แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ที่ต้อง คุมขังตามอำนาจของพนักงานสอบสวน หรือ ของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา กระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่อยู่ระหว่างคุมขังนั้นหลุดพ้นจากการคุมขังไป ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย
โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ต่อมาทางส สภ.บ่อผุด ได้สรุปรายงานคดีให้ทาง พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ออกคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 14/2564 ลงวันที่ 14 มกราคม 2564 ให้ ด.ต.วัชรินทร์ สินสโมสร ออกจากราชการไว้ก่อน และแต่งตั้ง พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ สอบสวนเรื่องดังกล่าว
ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ยังเปิดเผยว่า ในส่วนที่ ด.ต.วัชรินทร์ ผู้ต้องหา ได้ประกันตัวออกมานั้น ก็เป็นสิทธิ์ ของผู้ต้องหา ที่สามารถกระทำได้ และเป็นอำนาจและดุลพินิจของศาล ที่พิจารณา ซึ่งทางตำรวจไม่ขอก้าวล่วงในส่วนตรงนี้ ซึ่งพยานหลักฐานของทางตำรวจ ที่มีทั้งพยานหลักฐาน และพยานแวดล้อม รวมทั้งพยานจากทางวิทยาศาสาตร์ ที่ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บได้ในที่เกิดเหตุ
แต่ในส่วนของการดำเนินคดีทางวินัย ของผู้ต้องหา ได้ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไปก่อนแล้วนั้น ทั้งทางวินัย และอาญา และยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบและติดตามในด้านคดี ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ในขณะเดียวกันในเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ ขององค์กรตำรวจ ซึ่งในเรื่องนี้ได้สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งในเรื่องนี้นอมไม่ได้ ต้องใช้บทลงโทษอย่างหนัก พร้อมกันนี้ต้องคืนความชอบธรรมให้กับผู้เสียหาย และต้องทำให้สังคมโดยรวมเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ของตำรวจเพื่อไม่ให้ตกต่ำต่อสายตาประชาชน และต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและต้องตอบต่อสังคมให้ได้ ซึ่งทางผู้บัญชากาตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับมาให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง2ฝ่าย
ในส่วนของ ผู้เสียหาย ถึงแม้น จะเป็นชาวต่างชาติ และเป็นผู้ต้องหาและอยู่ในประเทศเรา ก็ต้องได้รับความเท่าเทียบกัน พร้อมกันนี้ ได้รายงานเเละทำความเข้าใจกับทางสถานทูต ส่วนในห้องขังต่อไปก็ต้องเข้มงวดในเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.ให้มีการตรวจเวรทุกชั่วโมง ทาง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดภายใน สภ.บ่อผุด จุดบริเวณหน้าห้องขัง และทางเดินหน้าห้องขัง 3 ตัว สามารถบันทึกภาพ ขณะที่ดาบตำรวจวัชรินทร์ สินสโมสร ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน สภ.บ่อผุด ปฎิบัติหน้าที่สิงเวร เฝ้าของขัง ในคืนเกิดเหตุ โดยในคลิปวิดีโอ พบว่าดาบตำรวจวัชรินทร์ แต่งกายครึ่งท่อน โดยสวมกางเกงสีกากี และใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว เดินไปไขกุลแจประตูห้องขัง พร้อมเรียก น.ส.โมโม ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ที่รอผลักดัน ให้ออกมาจากห้องขัง
จากนั้น ได้นำตัว น.ส.โมโม ที่สวมชุดสีดำ เดินออกมาจากห้องขังในเวลา 01.42 น. และนำตัวหายไปยังห้องปฎิบัติการจราจร จากนั้นออกจาก ห้องปฎิบัติการจราจร นำตัวผู้เสียหายไปส่งในห้องขังในเวลา 02.21น.โดยใช้เวลาปฎิบัติกิจ ทั้งหมด 39 นาที .
สำหรับประวัติของดาบตำรวจวัชรินทร์ สินสโมสร อายุ 49 ปี จบจากโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 8 รุ่นที่ 9 .