รวบ "ป้ารักแร้เหนียว" "หนีบเงินทอนในตำนาน หลังเผารถญาติ 5 คัน
14 ม.ค. 2564, 09:22
จากกรณีที่มีข่าวป้าจอมหนีบเงินทอน ซึ่งตระเวนก่อเหตุตามร้านค้าที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งจนกลายเป็นข่าวโด่งดัง สื่อหลายสื่อต่างพากันตั้งฉายาให้ป้าผู้ก่อเหตุว่าป้ารักแร้เหนียว และยังไปก่อเหตุจุดไฟเผารถจักรยานยนต์และรถยนต์ได้รับความเสียหายอีกหลายคันในย่านอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ม.ค.64 พ.ต.ท.ธนกฤต รวยอารี รอง ผกก. สส. สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ก็สามารถติดตามจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง เนตร์ทิพย์ อายุ 51 ปี ที่อยู่ 16/1 หมู่4 ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 12 ม.ค.64 ในข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ และ ทำให้เสียทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 7 ม.ค. เวลาประมาณ 03.00 น. ที่บริเวณบ้านพัก เลขที่ 28 หมู่ 9 ซอย เพชรหึงษ์ 24 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ โดยมีรถยนต์เสียหาย 4 คัน รถจักรยานยนต์อีก 1คัน โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่าน ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 ม.ค. นายชาตรี โสปาโก อายุ 50ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 9 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้เสียหายได้หอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ว่ามีผู้ลอบวางเพลิงเผารถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน และจากการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือน.ส.น้ำผึ้ง เนตร์ทิพย์ อายุ 51 ปีพักอาศัยอยู่ในย่าน ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงนำกำลังเข้าจับกุม และจากการสืบค้นประวัติ พบว่า น.ส.น้ำผึ้ง ได้เคยก่อเหตุในหลายพื้นที่ โดยมีพฤติกรรม ซื้อสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ โดยจ่ายค่าสินค้าเป็นธนบัตร1,000 บาท เมื่อได้เงินทอนมาจะหาจังหวะขณะพนักงานเผลอ เอาแบงก์500 เหน็บไปที่รักแร้ และโวยวายกับพนักงานว่าทอนเงินไม่ครบ จนพนักงานเก็บเงินหลายแห่งตกเป็นเหยื่อ โดยก่อเหตุมาตั้งแต่ ม.ค. 63 โดย จนได้รับฉายาว่า ป้ารักแร้เหนียว
นายชาตรี ผู้เสียหายเจ้าของรถที่ถูกเผา กล่าวว่า ตนเองต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง มากที่ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ โดยช่วงที่ยังจับไม่ได้ ตนเองและครอบครัวนอนหลับไม่เต็มที่ เนื่องจากต้องคอยมานั่งเฝ้าเกรงว่าจะกลับมาเผาบ้านตนอีก โดยบ้านอยู่ใกล้กันแต่ตนเองยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ให้อภัยแน่นอน เนื่องจากวันเกิดเหตุนั้นหากตนและครอบครัวดับไฟไว้ไม่ทัน ทั้งทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งชีวิตก็อาจจะต้องเสียไป เพราะฉะนั้นตนเองขอยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า วางเพลิงเผาทรัพย์ และ ทำให้เสียทรัพย์ ส่วนคดีอื่น ๆ จะส่งตัวให้แต่ละพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของคดีมารับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป