โดยพระครูวิบูลนพการอายุ 61 ปี ได้เล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.อาตมาได้นอนจำวัตรอยู่ด้านล่างของกุฎิดูโทรทัศน์อยู่ แต่จู่ ๆ กลับได้ยินเสียงเหมือนการแตกของไฟฟ้า อาตมาจึงเดินขึ้นไปดูและพบว่าไฟได้ลุกไหม้สายไฟเก่าที่อยู่บริเวณใต้หลังคาอย่างรวดเร็ว จึงได้รีบนำสายยางหน้ากุฏิขึ้นไปด้านบนเพื่อหวังจะฉีดน้ำ แต่ด้วยเวลานั้นได้อยู่รูปเดียวประกอบกับสามเณรอีก 2 รูปไปเรียนหนังสือจึงทำให้ไม่สามารถดับไฟได้ ทั้งนี้จึงได้รีบแจ้งบอกชาวบ้านและกรรมการของวัดให้ช่วยดับไฟ แต่ด้วยไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงไม่สามารถควบคุมเพลิงในเวลานั้นได้ นอกจากนี้เห็นว่ามีของสำคัญหลายอย่างจึงได้รีบวิ่งเข้าใต้กุฏิเพื่อนำทรัพย์สินที่มีค่าออกมา แต่ชาวบ้านเห็นจึงรีบดึงตัวเจ้าอาวาสได้ทัน ทั้งนี้กุฏิหลังนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีและยังมีพระสิง 3 ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่อายุราว ๆ 200 กว่าปี แต่หลังจากเพลิงสงบลงชาวบ้านได้ขึ้นไปบนกุฏิเพื่อหาพระสิง 3 สุดท้ายก็เจอแต่กลับพบว่าเศียรพระสิงได้มอดไหม้ไปกับเปลวเพลิงไปเสียแล้ว จึงสร้างความเสียใจและเสียดายต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก   พ.ต.ต.หญิงสุพาศรี ได้กล่าวว่า หลังจากที่รถดับเพลิงกว่า 6 คันช่วยกันดับในครั้งนี้ซึ่งกินเวลา ชั่วโมงครึ่ง เพลิงจึงสงบลงได้ นอกจากนี้จากการสอบสวนเจ้าอาวาสและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสาขาเชียงคำเบื้องต้นพบกว่า กุฏิหลังนี้มี 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นปูนและชั้นบนเป็นไม้ มี 6 ห้อง ทั้งนี้เหตุหลักมาจากไฟฟ้าลัดวงจรด้วยสายไฟมีอายุค่อนข้างที่จะเก่าประกอบกับพบว่าเบรคเกอร์ที่ติดอยู่ศาลาด้านล่างมีการนำลวดทองแดงมาคร่อมฟิวด์ไว้เพื่อไม่ให้เกิดการตัดไฟจึงทำให้เบรคเกอร์ตัวนี้ไม่ทำงาน ด้านทรัพย์สินของทางวัดนั้นที่ทางเจ้าอาวาสจำความได้ก็จะมี พระสิง 3 หน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 9 นิ้ว พระเก่าแก่อีก 5 องค์ พัดยศชั้นโทและชั้นเอก ผ้าพระราชทาน โทรทัศน์สี ตู้เย็น พัดลม และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท