เปิดชีวิต จา พนม จากสตั๊นต์แมน สู่นักแสดงนำหนังฮอลลีวูด
24 ธ.ค. 2563, 12:01
จา พนม ได้มาเล่าจุดเริ่มต้นตั้งแต่เป็นสตั๊นต์แมนอยู่เบื้องหลัง จนก้าวมาอยู่เบื้องหน้าและมีชื่อเสียงในระดับโลก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ต้องขอบคุณหนังเรื่อง องค์บาก ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของชีวิต
สมัยเป็นนักแสดงหนังบู๊ ?
จา : 18 ปีแล้วเรื่ององค์บาก ก่อนหน้านั้นทำมาทุกอย่าง ทำงานในกองถ่าย ความฝันตอนเด็กอยากเป็นนักแสดงแอ็คชั่น ก็ทำตามความฝันโดยไปสมัครเป็นสตั๊นต์แมนมาก่อน เริ่มต้นตอนอายุ 14 แต่พอ 18-19 เราเริ่มเห็นทางของตัวเอง ไปแคสต์ภาพยนตร์ของต่างชาติที่มาถ่ายที่เมืองไทย มีโอกาสได้ไปเป็นสตั๊นต์แมนพระเอก ผู้กำกับอยากได้เตะสูง เราเป็นนักตะกร้อมาก่อนก็ทำได้ จากนั้นอีก 2-3 ปี เรารู้สึกว่าเป็นแค่เงา เพราะอยู่แต่เบื้องหลัง เราอยากเอาความสามารถของเราไปอยู่เบื้องหน้า เลยทำเดโม่ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความสามารถของเราให้นักลงทุนเห็น เรามาฝึกฝนด้วยตัวเองบวกกับศิลปะการต่อสู้ของไทย มวยไทยมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก จนได้มาเล่นองค์บาก คือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยจากสตั๊นต์มาเป็นนักแสดงนำ
ชีวิตเปลี่ยนขนาดไหน ?
จา : ก็มีคนรู้จักมากขึ้น เราก็ต้องเข้าสังคม ออกงาน มีงานเข้ามา ปรับตัวตามสภาวะ กว่าจะมาถึงจุดเปลี่ยนก็มีเรื่องท้อ เพราะว่าคนเราไม่ได้เพอร์เฟกต์ เรามีสมาธิในเป้าหมายขอเราคือการเดินไปข้างหน้า
ช่วงที่โด่งดังมาก ๆ หายหน้าไปพักหนึ่ง ?
จา : เป็นช่วงวิบาก เราเก็บเกี่ยวพลังสมาธิที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า หลังจากจบต้มยำกุ้ง มันเป็นการเตรียมตัวที่จะไปฮอลลีวูด สิ่งที่เราตัดสินใจไปสร้างหาประสบการณ์ ครอบครัวเราก็ซัพพอร์ต ตอนนั้นเราพยายามคิดบวก รู้จักเรื่องสมาธิ ความต้องการและเป้าหมายของเราจริง ๆ คืออะไร
ไปที่โน่นโชว์เตะต่อยค่ายหนังเยอะมาก ?
จา : ใช่ครับ มันไม่ได้ง่ายเลย ต้องไปทำให้เอเจนต์ทุกค่ายเชื่อ ผมไปโชว์ความเป็นไทย ศิลปะมวยไทย ความแอ็คชั่นแบบไม่ใช้เทคนิคของเรา มันได้ใจเขา เขาชอบ ความกล้ากับความกลัวมันเป็นของคู่กัน ตัดความกลัวออกกล้าที่จะไป
ตอนที่พุ่งไปหาเป้าหมายต้องทิ้งอะไรไหม ?
จา : ไม่ตัดอะไรเลย เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและคนรอบข้างเข้าใจเรา ภาษาไปตอนแรกก็งู ๆ ปลา ๆ ก็มีไปเรียนภาษา พอได้มาเล่นฮอลลีวูดเป็นนักแสดงนำ มันคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ผมอยากทำ