วันที่ 23 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวแนวหน้า รายงานว่า ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง ในฐานะโฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) หารือมาตรการเพิ่มเติมป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ณ ห้องห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กทม.มีมติให้ปิดรร.ในสังกัด 437 แห่ง และศูนย์เด็กเล็กของกทม.292 ศูนย์ เป็นเวลา 12 วัน เริ่มจากวันที่ 24 ธ.ค.เป็นต้นไปและให้หน่วยราชการ กทม. Work from Home  เป็นเวลา 12 วัน ยกเว้นสถานที่ที่ให้บริการประชาชน ให้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มาทำงาน

ในส่วนการ ล็อคดาวน์ ยังไม่มีการล็อคดาวน์ จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย ขณะนี้ยังเฝ้าดูสถานการณ์และควบคุมที่หลัก 3 สถานที่ ได้แก่ สถานบริการ ตลาด และศาสนสถาน อย่างเคร่งครัด และขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนให้วางระบบการทำงานแบบ Work from Home รวมทั้งงดจัดกิจกรรมปีใหม่ หรือถ้าจัดงาน มีจำนวนคนเกิน 300 คน ต้องขออนุญาตจากสำนักอนามัย กทม.เพื่อพิจารณาจะจัดได้หรือไม่หรือหากมีการจัดในครอบครัวก็ต้องดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดด้วย

สำหรับมาตรการควบคุมโรคนั้น จากปัญหาที่ว่าจะควบคุมโรคได้หรือไม่ แต่คณะกรรมการยังเชื่อว่ายังควบคุมโรคหากพบผู้ป่วยจำนวนได้ แต่จะมีในกลุ่มสถานบริการ ตลาด สนามมวยซึ่งเป็นจุดที่จะแพร่ระบาดได้ จากที่เคยมีการระบาดที่สนามมวยเมื่อช่วงต้นปี 2563 

การแพร่ระบาดที่ตลาด จ.สมุทรสาคร ได้มีมาตรการออกมาแล้วเช่นเดียวกับสนามมวย ซึ่งได้มีการประกาศออกมาว่าจะไม่มีการจัดชกจนว่าจะสถานการณ์จะดีขึ้น ขณะที่สวนสาธารณะ ตลาด และศาสนสถาน จะไม่ให้รวมตัวของผู้คนและแรงงานต่างชาติ

การระบาดรอบนี้เรามีเวลา 4 สัปดาห์จะควบคุมโรคได้หรือไม่ เพราะจากประเทศต่างๆ ทั้งโลกพบว่ามี 88 % มีการระบาดซ้ำและรุนแรงกว่าเดิม แต่ถ้าใน 4 สัปดาห์นี้เราสามารถควบคุมได้ ประเทศไทยอาจเป็นกลุ่ม 12 % ที่ควบคุมโรคได้