ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ครรชิต ชาตินันท์ ผกก.สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ร่วมกับเปิดเผยผลการไล่จับกุมกลุ่มที่นัดลักลอบกันมาแข่งรถยนต์ ตามเส้นทาง ถนนสายสาลี-บางซ้าย-เสนา ( ถนนสาย 3263 ) โดยใช้ชื่อกลุ่มรถยนต์ที่มาแข่งกันว่า กลุ่ม "หัวกะทิ" ซึ่งกลุ่มนี้ได้มาการนัดหมายกันทางเฟซบุ๊ก เพื่อเดินทางมารวมตัวแข่งรถกันบ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีการนัดหมายกันแข่งรถยนต์ในคืนวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา 

 

 

พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ครรชิต ชาตินันท์ ผกก.สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.นิยม แตงโสภา รอง ผกก.สอบสวน พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ อินสว่าง สวป.สภ.บางปลาม้า ร.ต.อ.พนม มั่นปาน รอง สว.สส.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงสาลี กำลังเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ได้ร่วมกันวางแผนจัดวางกำลังเข้าทำการปิดล้อมตามเส้นทาง โดยใช้รถยนต์บรรทุกพ่วงปิดถนนทั้ง 2 ฝั่ง ทั้ง 4 เลน เพื่อปิดเส้นทางหลบหนี โดยมีการปิดกั้นเส้นทางเข้าออก เพื่อไม่ให้รถของประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาปะปนกับรถยนต์ที่มาแข่งขันกันก่อนไล่จับกุม เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีและหลักกฎหมาย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้กะทำความผิดในข้อหา "ร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต" ได้ผู้ต้องหาจำนวน 110 คน ยึดของกลางเป็นรถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะรวม 59 คัน รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ยึดมาได้จะแต่งซิ่ง บางคันถึงกับลงทุนถอดฝากระโปรงหน้ารถออก เพื่อมาแข่งขัน นักแข่งกลุ่ม หัวกะทินี้มาจาก กรุงเทพมหานคร  นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และปริมณฑล เบื้องต้นยึดรถยนต์ไว้เป็นของกลาง จากนั้นได้ทำประวัติ พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

ด้าน พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าสำหรับผลการจับกุมการรวมตัวกันแข่งรถในทางของรถยนต์ กลุ่ม "หัวกะทิ" เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการรวมตัวแข่งรถในทาง การขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง จึงได้เน้น กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่ทั่วประเทศ กวดขันจับกุมให้ได้ผลอย่างจริงจัง