เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายศิริพงษ์ หลีประสิทธิ์ ป้องกันจังหวัดภูเก็ต เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และ นายธรรมรงค์ ช่วยอักษร หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. สั่งการให้ นายอุรุพงศ์ ชนะกุล ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต และ นายธงไชย รัตนเดช ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สังกัด กองร้อยบังคับการและบริการกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย ม.ญ.บุญสิทธิ์ อธิสิขร, ม.อ.คมสัน ทองแก้ว, ม.ท.กฤษฎา รักษ์นาค, อส.กนก จันทร์ทิพย์, อส.ชัยยะ ชูจันทร์ และ อส.วิรัชพงศ์ โรมา

 

 

ได้ร่วมกันจับกุม นางสาวนิดน้อย หลักเกาะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต และ นางสาวอุทัย หลักเกาะ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต และร้องทุกข์กล่าวโทษ นางสาวนิดหนึ่ง หลักเกาะ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 151 หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต (หลบหนีไปขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุม) บริเวณชุมชนชาวไทยใหม่บ้านราไวย์ (ใกล้กับศาลชาวไทยใหม่) หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวมถุงบรรจุประมาณ 64 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) แบบเม็ด จำนวน 51 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ลักษณะแตกเป็นเสี้ยว น้ำหนักประมาณ 1.02 กรัม สร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 45.56 กรัม จำนวน 1 เส้น สร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 30.39 กรัม จำนวน 1 เส้น และธนรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ, ฉบับละ 100 บาท จำนวน 20 ฉบับ, ฉบับละ 50 บาท จำนวน 4ฉบับ, ฉบับละ 20 บาท จำนวน 17 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,540 บาท พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาคนที่ 1 ว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และกล่าวหา ผู้ถูกจับกุมลำดับที่ 1 ผู้ถูกจับกุมลำดับที่ 2 และพวกที่หลบหนีว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรฉลองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป