ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมี นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน อาสาสมัคร และ มูลนิธิ เข้าร่วมการฝึก ณ หอประชุมจังหวัดชุมพร

นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มของการเกิดสาธารณภัย มีความถี่และทวีความรุนแรงมากขึ้น ภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุทกภัย ซึ่งจังหวัดชุมพรมีราษฎรอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและดินถล่มจำนวนมาก ในการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อม การซักซ้อมการประสาน การปฏิบัติของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน มูลนิธิ อาสาสมัคร ในการติดต่อสื่อสาร การประสานการปฏิบัติและการสนับสนุนการปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ

 

 

ขณะที่ นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในนามของคณะทำงานการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ด้านสาธารณภัย ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งระดับความรุนแรงเกินกว่าที่หน่วยงานเพียงหน่วยเดียวจะมีขีดความสามารถในการป้องกันและบรรเทาภัยที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นการบริหารจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้น อันประกอบด้วย ระบบแจ้งเตือนภัย การบัญชาการเหตุการณ์ที่มีเอกภาพ ความเข้าใจในการปฏิบัติงานตามแผน และการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงาน รองรับงานป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่ในภาวะปกติจนถึงขั้นสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีความพร้อมและดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

จังหวัดชุมพร จึงได้กำหนดการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 (อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม) โดยดำเนินการฝึกซ้อมเฉพาะหน้าที่ (Functional Exercise: FEX) เพื่อให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด/อำเภอ เป็นศูนย์กลางในการระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการจัดการสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นแนวทางในการประสานการปฏิบัติ การอำนวยการ การสั่งการ ของหน่วยปฏิบัติและหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติ ตลอดจนเป็นการทดสอบและประเมินขีดความสามารถของของบุคลากร ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบเฉพาะด้าน รวมทั้งบทบาทที่ใช้ในการเผชิญเหตุกับสถานการณ์อุทกภัย ด้วย