วันนี้ (17 ต.ค.63) เวลา 18.30 น.พ.ต.ท.นัทธกานต์  วรรณพันธุ์ พนักงานสอบสวน สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี  รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ที่บ้านเชียง ชุมชนชาวไทพวน จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมแจ้งรถดับเพลงจากเทศบาลต.บ้านเชียง ต.หนองเม็ก ไปช่วยดับไฟ พบบ้านเลขที่ 213 หมู่ 15 บ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ป็นบ้านครึ่งปูนครึ้งไม้าหลานไปซื้อของและไฟกำลังโหมอย่างหนักบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นไม้ ประกอบกับมีมรสุมเข้ามามีฝนตกลงมาปรอยๆ และลมกระโชกเป็นบางครั้ง ทำให้ไฟที่กำลังไหม้บ้านได้โหมกระหน่ำอย่างแรงเห็นแสงสีแดงส้มเจิดจ้าไปทั่ว ขณะที่ชาวบ้านที่มีบ้านใกล้เคียงต่างพากันตกใจและช่วยกันหาวิธีดับไฟกลัวจะลามไปยังบ้านข้างเคียง รวมทั้งเจ้าของบ้านคือนางภัทรพร สิทธิพรม อายุ 55 ปีเจ้าของบ้านยืนหน้าเศร้ามองบ้านถูกไฟไหม้ไปต่อหน้าต่อตา ขณะเดียวกันคนที่ตกใจอย่างมากคงจะเป็นคือ น.ส.จิตภินันท์ วงศ์หนังสือ และนายอัสรินทร์ วงศ์หนังสือ ลูกสาวและลูกเขยเจ้าของบ้านเพราะเพิ่งเดินทางจากกรุงเทพกลับมาบ้านได้เพียง 30 นาทีเท่านั้น ก็มาเจอไฟไหม้บ้านต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่ช่วยกันฉีดน้ำสกัดไฟไหม้ใช้เวลา 1 ชมเพลิงจึงสงบ

 

 

 

 

 

น.ส.จิตภินันท์ วงศ์หนังสือ อายุ 45 ปีลูกสาวของนางภัทรพรเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมสามีทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และวันนี้เดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงานศพญาติเพิ่งมาถึงบ้านเมื่อเวลา 18.00 น. นั่งติดบ้านได้เพียง 30 นาทีก็เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเสียแล้ว โดยขณะช่วงเกิดเหตุไฟไหม้ตนเองไม่อยู่พาหลานไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและพาหลานไปตัดผมมีแม่อยู่บ้านคนเดียว แม่โทรมาบอกว่าไฟไหม้บ้าน ตนเองจึงรีบเดินทางกลับบ้านทันที เมื่อเห็นไฟไหม้บ้านตนเองและสามีเข่าแทบทรุด เห็นไฟไหม้บ้านโหมกระหน่ำอย่างแรง ตกใจทำอะไรไม่ถูกตกใจทำอะไรไม่ถูก ามไปยังบ้านข้างเคียง พากันคว้าของใน บ้านมาได้เพียงกระเป๋าเสื้อผ้าที่เอามาจากกรุงเทพฯได้เท่านั้น ทำไมช่างโชคร้ายเสียเหลือเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯมาบ้านไม่ถึง ชม.ก็ได้เจอข่าวร้านไฟไหม้บ้านต่อหน้าต่อตา น.ส.จิตภินันท์กล่าวตอนท้าย