วันที่ 12 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานสถานการณ์พื้นที่จังหวัดประจวบเมื่อเวลา 20.00 น.จากผลพวงของพายุดีเปรสชั่นที่ทำให้พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวันทำให้บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 296 + 100 บ้านทุ่งกระต่ายขัง ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีต้นหางนกยูงขนาดใหญ่ล้มกีดขวางถนน เป็นเหตุทำให้รถที่วิ่งสัญจรลงสู่14 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ ทำให้รถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร รถบรรทุกขนาดใหญ่ต้องใช้วิธีเหยียบปลายยอดกิ่งเปิดช่องทางวิ่งชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระหว่างที่เจ้าหน้าที่ไปถึงเพื่อระบายรถบางส่วน นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบ จึงได้สั่งระดมเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงพร้อมอุปกรณ์เครื่องเลื่อยยนต์ช่วยกันตัดต้นไม้ที่ล้มกีดขวางถนนออกพร้อมทำความสะอาดถนนเพื่อเปิดเส้นทางให้รถสามารถวิ่งได้ตามปกติ

 

 

 

 

ด้าน นายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบ เปิดเผยว่า จากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง ส่งผลดีต่อชาวประจวบมากกว่าเสีย เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของพื้นที่จังหวัดประจวบทุกอ่างมีระดับน้ำอยู่ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอ่างยังสามารถรองรับน้ำเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกจำนวนมาก จึงไม่มีความกังวลเกี่ยวกับน้ำป่าไหลหลากจากสาเหตุน้ำที่ไหลเหนือเขื่อน แต่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และให้ประชาชนเตรียมความพร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ของตนเองอย่างใกล้ชิด และสังเกตระดับน้ำในแม่น้ำลำคลอง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เคยประสบเหตุอุทกภัยควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมบริเวณด้านล่างของเขื่อน(หน้าเขื่อน) และในตัวชุมชน อาจทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมขังบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้เฝ้าติดตาม และนำรถเครื่องจักรกลไปสแตนบายติดตามสถานการณ์ที่บริเวณสะพานถนนเพชรเกษม 2 แห่ง ในพื้นที่เขตติดต่ออำเภอบางสะพาน และอำเภอทับสะแก คือ สะพานวังยาว และสะพานหนองหญ้าปล้อง เนื่องจากเคยเกิดเหตุสะพานขาดตัดเส้นทางการจราจร จากสาเหตุเศษสวะ วัชพืช และกิ่งไม้ต่างๆพัดมาทับถมจนทำให้สะพานถล่ม โดยนำรถแบคโฮ และเครื่องจักรกลไปสแตนบายเตรียมความพร้อมเพื่อรอเปิดเส้นทางน้ำไว้แล้ว///////