วันที่ 9 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชนพหล ส่งเสริม นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ไปติดตามความคืบหน้าการค้นหาตัวบุคคลต่างด้าวที่แอบ ลักลอบข้ามแดนมาตามช่องทางธรรมชาติเพื่อรอนายหน้ามารับ หลังได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่าพบมีกลุ่มบุคคลต่างด้าวมาพักกบดานอยู่บริเวณชายป่าฝั่งไทยแนวเทือกเขาตะนาวศรี พร้อมตรวจสอบความพร้อมของจุดตรวจจุดสกัดย่อยของฝ่ายปกครองและ ตชด.ตามถนนสายหลักจุดต่างที่สามารถเดินทางเข้าสู่พื้นที่ชั้นในได้ซึ่งเขตอำเภอเมืองประจวบมีทั้งหมด 12 จุดตรวจ

 

พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งกำชับให้ฝ่ายปกครอง ร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านนำเจ้าหน้าที่ ชรบ.และอสม.ตั้งจุดตรวจคัดกรองโควิดเข้มข้น ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันมิให้บุคคลต่างด้าวที่อาจหลุดรอดมาตามช่องทางธรรมชาติแนวป่าไทย-พม่า ซึ่งอาจนำเชื้อ covid19 เข้ามาในประเทศไทย และเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของจังหวัดประจวบได้ นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด และเหล่ากาชาดจังหวัดยังได้ให้การสนับสนุนมอบอุปกรณ์ป้องกัน โรค covid-19 ให้กับอำเภอทั้ง 8 อำเภอ ของจังหวัดประจวบนำไปใช้ตามจุดตรวจต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านในชุมชนนั้นๆ อาทิ เจลแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์น้ำ หน้ากากอนามัย ชุด PPE เครื่องเทอร์โมสแกน ถุงมือยาง เป็นต้น

 

 

 

นายชนพหล ส่งเสริม นายอำเภอเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประเทศเมียนมาร์มีการแพร่ระบาดหนักของเชื้อ covid-19 แล้วมีประชากรชาวเมียนมาร์หนีตายทะลักข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทย ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงชายแดน บูรณาการร่วมกันกับทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และฝ่ายเมียนมาร์ เพื่อหาทางออกร่วมกันและตรวจคัดกรองเชื้อโดยใช้สถานที่ของค่ายตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 เป็นสถานที่กักตัวชั่วคราว ก่อนผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทาง โดยทางเจ้าหน้าที่จะพยายามไม่ให้หลุดเข้าไปสู่พื้นที่ชั้นในได้ ซึ่งจะต้องตั้งด่านเข้ม 24 ชั่วโมง แต่มีอุปสรรคปัญหากำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย และเบี้ยยังชีพค่าเสบียงอาหารที่ภาครัฐสนับสนุนได้มาเพียงน้อยนิดไม่เพียงพอ