เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ท่องเที่ยว "สะพานมอญ" สังขละบุรีคึกคัก ส่วนชายแดนด่านเจดีย์สามองค์สุดเงียบเหงา


26 ก.ย. 2563, 18:10



ท่องเที่ยว "สะพานมอญ" สังขละบุรีคึกคัก ส่วนชายแดนด่านเจดีย์สามองค์สุดเงียบเหงา




วันนี้ 26 ก.ย.2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศร่วมกันทำบุญใส่บาตรตามวิถีมอญ ในชุมชนบ้านวังกะ ซึ่งเป็นชุมชาวชาวมอญที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาท่องเที่ยวสังขละบุรี ต้องเดินทางมาที่นี่ โดยทุกคนจะเลือกสวมเสื้อผ้าชุดพื้นเมือง ทั้งชุดมอญ ชุดกะเหรี่ยง ชุดพม่าซึ่งมีสีสันสดใส สวยงาม พร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เสร็จจากการทำบุญใส่บาตรแล้ว จึงออกเดินเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก และเลือกชิมอาหารพื้นเมืองที่มีให้เลือกหลากหลายชนิด ต่อจากนั้นจึงใช้เวลาเดินชมบรรยากาศยามเช้าของทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ บนสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ

ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างโดยชาวบ้านทั้งไทย มอญ กะเหรี่ยง และพม่า ด้วยความศรัทธาที่มีต่อพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ผู้ริเริ่มการสร้างสะพาน เพื่อเชื่อมชุมชนชาวมอญและชุมชนชาวไทย ให้สามารถไปมาหาสู่กันได้สะดวกมาขึ้น

และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเดินชมธรรมชาติ ของแม่น้ำซองกาเลียที่ไหลผ่านสะพานฯก่อนไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ โดยมีเด็กๆชาวมอญ พม่า กะเหรี่ยง ในชุดพื้นเมืองมาคอยแนะนำสถานทีท่องเที่ยว เล่าประวัติการณ์ก่อสร้างสะพาน เพื่อแลกกับเงินที่นักท่องเที่ยวมอบให้ไว้เป็นค่าขนมไปโรงเรียน เด็กบางคนเลือกที่จะนำดอกไม้มาขายให้นักท่องเที่ยวเพื่อนำไปไหว้พระที่วัดจมน้ำ บางส่วนก็นำเสนอการทาแป้งพม่า ลวดลายต่างๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนชื่นชอบและกลายเป็นมนต์สเน่ห์ ที่อยู่คู่กับสะพานแห่งนี้

โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้เหตุผลที่เลือกมาเที่ยวสังขละบุรี แม้จะมีข่าวการพบผู้ป่วยโควิต 19 ในพื้นที่พญาตองซู เมียนมา ชายแดน สังขละบุรี ว่า สังขละบุรี เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ รวมทั้งที่นี่ยังมีวีถีชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย งดงาม บรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนยิ้มแย้ม ใจดี จึงเลือกมาเที่ยวที่นี่ การมาเที่ยวก็ใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เมื่อได้มายิ่งได้รับรู้ว่าที่นี่ยังปลอดภัยดี สำหรับการมาท่องเที่ยว ส่วนพื้นที่ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยง ก็เลี่ยงเดินทางไปในช่วงนี้

ด้าน น.ส.นัยนา หงส์รัตนเอก แม่ค้าขายปลาแห้ง กุ้งแห้ง บริเวณเชิงสะพานไม้ฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ นักท่องเที่ยวจะมากว่าวันปกติ ตนเองในฐานะเจ้าบ้านก็จะสวมหน้ากากอนามัยพร้อมทั้งแนะนำให้นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยและท่องเที่ยวสุขใจ ลดความเสี่ยงป้องกันโควิต19

          ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อวชิราลงกรณ ปีนี้น้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เริ่มเป็นที่กังวลว่า หากปริมาณฝนยังน้อยเช่นนี้ ปีหน้า 2564 อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทางน้ำของที่นี่ เนื่องจากการนั่งเรือชมวัดจมน้ำเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ และเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวบ้านที่มีเรือนำเรือมาให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งหากน้ำน้อยจนเรือไม่สามารถวิ่งได้ ในอนาคตอาจทำให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ขาดรายได้อย่างแน่นอน

นขณะที่บรรยากาศ บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากยังอยู่ในห้วงเวลาที่ ทางจังหวัดกาญจนบุรี ประกาศให้ร้านค้าบริเวณรอบๆ ด่านเจดีย์สามองค์ปิดกิจการเป็นระยะเวลา14 วัน พร้อมทั้งห้ามมิให้มีการขนส่งสินค้าทุกชนิด 14 วัน จากการที่มีการตรวจพบผู้ป่วยโควิต19 จำนวน 1 ราย ในพื้นที่พญาตองซู ติดชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ นอกจากนั้นยังมีผู้สัมผัสใกล้ชิด เจ้าหน้าที่พยาบาลและทีมกู้ภัยพยาตองซู ที่ต้องทำการกักตัวอีก 60 ขณะนี้ยังต้องรอผลการตรวจจากโรงพยาบาล

          สำหรับสถานการณ์ทางฝ่ายเมียนมา ผวจ.กาญจนบุรี ได้ขอให้ทางเมียนมา แจ้งข้อมูลสถานการณ์โควิด19 ให้ทางฝ่ายไทยทราบเป็นระยะ เพื่อร่วมกันสกัดกั้นป้องกันโรคโควิด 19 หากมีอะไรให้สนับสนุนช่วยเหลือทางเมียนมา ทางฝ่ายไทยก็ยินดี ได้รับแจ้งว่า ในวันหยุด หรือช่วงเย็นมีผู้ปกครองขึ้นมาหาบุตรหลาน หรือบุตรหลานแอบลักลอบลงไปยังฝั่งพม่า เพื่อเป็นการป้องกันได้มีค่ำสั่ง ไม่ให้นักเรียนที่อยู่หมู่บ้านพระเจดีย์สามองค์เขตไทย และพยาตองซู ฝั่งเมียนมา เข้ามาเรียนในเขตไทยหรือให้หยุดเรียน 14 วันไปก่อน ตามมาตรการดังกล่าวสิ่งที่เมียนมา ได้ดำเนินการไปแล้วดังนี้

1.มาตรการทางฝ่ายเมียนมา พยาตองซู 1.ล็อคดาวน์ พยาตองซู 14 วัน บริเวณชานเมือนก่อนถึงบ้านยั่วติ้ต

2.กักตัวผู้สัมผัสเชื้อกับผู้ป่วยเป็นเวลา 14 วัน จานวน 60 ราย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพยาตองซู จานวน 12 ราย (กักตัวที่โรงพยาบาลพยาตองซู) เจ้าหน้าที่มูลนิธิเมียนมา เรสคูว จำนวน 15 ราย (กักตัวมูลนิธิเมียนมา เรสคูว) และกักตัวที่โรงเรียนมัธยมฯ ในเขตหมู่ที่ 1 พยาตองซู จานวน 33 ราย (โรงพยาบาลพยาตองซูแจ้งผลการตรวจเชื้อผู้ถูกกักตัว จะทราบภายใน 2-3 วัน)

โดยเช้าวันนี้ มีหนังสือที่ออกจากกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา ว่าจากตารางที่ 1 ตัวอักษรสีแดง. คือผู้พบเชื้อ. ลำดับที่ 1 นายโอ๊คกะโทน อายุ 17 ปี พบเชื้อ โควิด 19 ตอนนี้อยู่ รพ. พะอาน ซึ่งมีการส่งเอกสารดังกล่าวรายงานให้ผู้ว่าราชการทราบต่อไป

ส่วนตารางที่ 2 คือผู้สัมผัสผู้ป่วย แล้วตรวจหาเชื้อ ลำดับที่ 1-10 เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยที่ พะอาน ตรวจไม่พบเชื้อครับ ลำดับ11-12 ผู้สัมผัสที่ ที่มาจากที่อื่นครับไม่พบเชื้อลำดับที่ 13-14 คือ จนท. มูลนิธิเมียนมา เรสคูว ที่ไปส่งนายโอ๊คกะทน 2 คนไม่พบเชื้อ ส่วนคนที่สัมผัสนายโอ๊กกะทูน ที่กักตัวไว้ที่ รร มัธยม.จำนวน 33 คน ผลตรวจยังไม่ออก โดยต้องรอผลตรวจอีก2-3 วัน

ขณะที่นางดา ไม่มีนามสกุล ชาวบ้านบ้านพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีบ้านอยู่ติดชายแดนเมียนมา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกวิตกกังวล กับเหตุการณ์ที่พบผู้ป่วยในพื้นที่พยาตองซู เมียนมา ทั้งนี้เนื่องจากทุกวันนี้ยังคงพบเห็นชาวเมียนมา ลักลอบข้ามแดนเข้ามา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ เข้ามาปิดช่องทางและจัดเวรยาม ทั้งนี้เนื่องจากบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ที่อยู่ติดชายแดน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงงานต่างๆทำให้มีช่องว่างในการตรวจสอบ และเป็นช่องทางให้มีชาวเมียนมาลักลอบเข้ามาได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีชาวเมียนมา บางส่วนย้ายขึ้นมาเช่าที่พักไว้อยู่อาศัยมาก่อนจะมีการตรวจพบผู้ป่วยแล้วก็ตาม ซึ่งนี่เองอาจเป็นช่องโหว่ที่อาจทำให้การป้องกันโควิตในพื้นที่ ชายแดน บ้านพระเจดีย์สามองค์มีปัญหา

ซึ่งตนเองทำได้ด้วยการอยู่บ้าน ไม่ออกไปตลาดหรือแหล่งชุมชนหากไม่มีความจำเป็น หากจำเป็นต้องออกไปก็จะสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะที่ยังพบว่ามีการลักลอบเข้ารถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านไร่อ้อย และบ้านบ่อญี่ปุ่น แม้ทางฝ่ายความมั่นคงจะปิดเส้นทางที่ชาวเมียนมา เคยใช้เข้าออก แต่ไม่นานก็จะมีการเปิดช่องทางใหม่ๆเสมอ เนื่องจากตลอดแนวชายแดนจากด่านเจดีย์สามองค์-ด่านความมั่นคงน้ำเกิ๊ก ระยะทางกว่า 10 กม. พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าหญ้า และพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน จึงง่ายต่อการเข้าออก./

 



 


 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.