09.00น. 4 มิ.ย. 62 เกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นและผู้รับซื้อยาสูบ ในเขต อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราภาษียาเส้นใหม่ และให้เริ่มมีผลบังคับใช้ แต่ขยายเวลาให้ยาซิกาแรตไปปี 2563 จึงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกหรือชะลอการจัดเก็บภาษีแบบใหม่ โดยอ้างว่า "โหดเกินไป"

เนื่องมาจากพิษอัตราภาษีสรรพสามิต พร้อมเชิญว่าที่ ส.ส. จังหวัดเพชรบูรณ์สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ร่วมรับฟังปัญหาและเร่งผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ว่าจะช่วยชะลอการขึ้นภาษีบุหรี่ออกไปก่อน ให้เป็นผลก่อนฤดูกาลปลูกใบยาสูบปี 2562/63    

นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์  เคยกล่าวไว้ว่า ขณะนี้ชาวไร่ยาสูบเดือดร้อนกันหนักมาก เพราะรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่ไม่มีหยุดหย่อน จนทำให้ต้องโดนลดโควตารับซื้อใบยา โดยชาวไร่แต่ละครอบครัวรายได้เลี้ยงชีพหดหายไปมากกว่าครึ่ง รวมเป็นความสูญเสียของทั้งจังหวัดประมาณ 175 ล้านบาท

“ทุกวันนี้ชาวไร่ยาสูบอยู่กับหนี้ที่พอกพูนขึ้นทุกวันเพราะรายจ่ายคงเดิม แต่รายได้หายไปมากกว่าครึ่ง รัฐบาลยังจะมาซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% ในเดือนตุลาคมนี้  ยิ่งทำให้ชาวไร่ก็คงต้องเลิกปลูกยาสูบและยังไม่รู้ด้วยว่าจะไปทำอาชีพอะไรทดแทนดี  หลายครอบครัวลองหันไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ เช่น กะหล่ำดอก พริก และข้าวโพด แต่ไม่สร้างรายได้เพียงพอเหมือนการปลูกใบยาสูบ ซึ่งวันนี้พวกเราชาวไร่ยาสูบ จึงได้รวมตัวกันเขียนจดหมายฉบับใหญ่ระบายความเดือดร้อนของพวกเรา และจะส่งไปให้ท่านนายกพลเอกประยุทธ์ เพื่อช่วยเหลือพวกเราเป็นการเร่งด่วน โดยการประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปก่อน” นายสงกรานต์ กล่าวไว้

 

 ด้าน นายดีเซล แก่นนาค ชาวไร่ยาสูบ กล่าวว่า รัฐบาลเพิ่งออกมาบอกว่าจะจ่ายเงินให้คนละ 1.5 พันบาทช่วยเหลือการท่องเที่ยว แต่ชาวไร่ยาสูบหนี้ท่วมจะไม่มีกินกันอยู่แล้ว จะไปเที่ยวหรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้อย่างไร พวกเราอยากเห็นความจริงใจในการดูแลชาวไร่ยาสูบของรัฐบาลบ้าง แค่เลื่อนกำหนดขึ้นภาษีบุหรี่ออกไปก่อน พวกเราก็มีรายได้เหมือนเดิม