เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนยังคงน่าห่วง ในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย เนื่องจากในประเทศเมียนมายังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะมาแนวชายแดนไทยขึ้นเรื่องเรื่อย ๆ ทำให้ล่าสุดทางนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จึงได้พร้อมด้วย นายประสงค์ หล้าอ่อนนายอำเภอแม่สาย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมกันเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจุดสกัดยาเสพติดซึ่งปัจจุบันถูกมอบหมายภารกิจให้สกัดแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาอาจจะนำพาโควิดสายพันธุ์ใหม่เข้ามาในพื้นที่รวมทั้งตรวจคัดกรองสุ่มวัดอุณหภูมิร่างกายบุคคลที่เดินทางด้วย

โดยเริ่มจากด่านกิ่วทัพยั้ง ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน ขึ้นไปทางเหนือที่อำเภอแม่สาย ทั้งด่านถ้ำปลา ตำบลโป่งผา จุดผ่อนปรนหัวฝาย ตำบลเวียงพางคำ ด่านตรวจชุมชนเกาะทราย ตำบลแม่สาย ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็กสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 และจุดผ่อนปรนที่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ทุกจุดผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเน้นย้ำให้ฝ่ายปกครองและชุดรักษาความสงบหมู่บ้าน (ชรบ.) บูรณาการในการตรวจตราโดยประสานกับกองกำลังคุ้มกันชายแดนให้มากยิ่งขึ้น

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าที่ผ่านมายังมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเล็ดลอดสายตากองกำลังคุ้มกันชายแดนเข้ามาในพื้นที่ได้เป็นระยะๆ จากนี้ไปต้องเข้มงวดกวดขันกันให้มากโดยจะให้เครือข่าวสาธารณสุขหรือ อสม. ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ.สแกนบุคคลในหมู่บ้านชุมชนชายแดนทั้งหมดอีกครั้งทำกันแบบเข้มงวดหรือรีเอ๊กซเรย์บุคคลกันใหม่อีกรอบอย่าให้มีการลักลอบเข้ามาโดยเด็ดขาด

 

จากการปสะสานกับทางจังหวัดท่าขี้เหล็กทราบว่าโควิดเข้ามาถึงรัฐฉานแล้วแต่รัฐฉานตะวันออกพื้นที่ที่ติดกับประเทศไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อจึงฝากไปถึงแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบข้ามแดนเข้ามาในประเทศไทยทางการทั้งไทยและเมียนมาเข้าใจว่าต้องการเข้ามาทำงานประกอบอาชีพหารายได้ ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติจะไม่มีใครขัดขวางแต่ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ปกติ โควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ในทุกมุมโลกหากท่านเป็นผู้นำเชื้อโรคมาเผยแพร่ให้คนอื่นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหลักมนุษยธรรมอย่างแรง