เฒ่าวัย 77 ปี ถูกหลานสาวฟ้องศาล กล่าวหาบุกรุกที่ดิน เรียกค่าเสียหาย และขับไล่
6 ก.ย. 2563, 18:58
วันที่ 6 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายเริง ผุยเหง้า อายุ 77 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากหลานสาว ในกรณี น.ส.ละเอียด ผุยเหง้า อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 26 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ยื่นฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายอีก 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดนครพนม กำหนดขึ้นศาลฯ นัดแรกในวันที่ 26 ตุลาคม 2563
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังที่ดินที่พิพาทกันระหว่างลุงกับหลาน พบญาติและเพื่อนบ้านของ นายเริง ไม่ต่ำกว่า 30 คน ยืนรออยู่ในบริเวณดังกล่าว โดย นายเริง เล่าว่าตนกับนายถวิล ผุยเหง้า บิดาของ น.ส.ละเอียด เป็นพี่น้องคลานตามกันมา ตั้งแต่ น.ส.ละเอียด ยังไม่เกิดก็ได้จับจองที่รกร้างคนละแปลง จนกระทั่งปี 2523 ก็ได้ใบจองมาคนละใบ ทั้งสองพี่น้องต่างปลูกข้าวกินในที่ของตน โดยมีทางสาธารณะเป็นเส้นแบ่งเนื้อที่ และยังปักเสารั้วไม้เป็นเขตกันและกัน
ภายหลัง นายถวิล ก็นำใบจองไปออกเป็น น.ส.3 ก. และได้เปลี่ยนเป็นโฉนดเมื่อปี 2541 ส่วนตนยังไม่มีเงินค่าดำเนินการจึงถือใบจองดังกล่าวไว้ กระทั่ง นายถวิล เสียชีวิตมีหลานสาวคือ น.ส.ละเอียด ผุยเหง้า เป็นผู้จัดการมรดก และได้รับโอนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559
หลังจากหลานสาวได้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ก็กล่าวหาตนตลอดจนญาติ ๆ ว่าบุกรุกที่ดิน จำนวน 4 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา แม้จะอธิบายอย่างไร น.ส.ละเอียด ก็บอกว่าใบโฉนดไปถึงไหนก็เอาถึงนั่น ด้วยความที่ไม่อยากค้าความตนจึงไปขอเจรจาเพื่อยุติปัญหา หลานสาวเรียกราคาไร่ละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 220,000 บาทตนได้ต่อรองขอลดเหลือ 150,000 บาท แต่หลานสาวยืนกระต่ายขาเดียว การเจรจาครั้งนั้นจึงล้มเหลว
ต่อมามีคนแนะนำว่าควรจะคุยกับหลานสาวด้วยเหตุและผล เพราะต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าที่ดินของแต่ละฝ่ายอยู่ตรงไหน เป็นญาติพี่น้องกันน่าจะจบลงด้วยดี ขณะเดียวกันด้าน น.ส.ละเอียด ได้ไปให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เข้ามารังวัดเขต ปรากฏว่าตนได้เห็นโฉนดที่ดินเลขที่ 11150 เลขที่ดิน 32 เนื้อที่จำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา ที่หลานสาวได้รับโอนกรรมสิทธิ์จากพ่อนั้น มีทางสาธารณะเกิดขึ้นมาใหม่ และเป็นทางที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งที่จริงทางสาธารณะที่มีแต่เดิมคือบริเวณแบ่งเขตที่ดินกันตั้งแต่แรก เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการออกใบ น.ส. 3 ก. ของนายถวิลน้องชายผิดมาแต่ต้น จึงควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง จึงมีการคัดค้านอย่าเพิ่งปักหมุดโฉนด แต่ภายหลังมีคนแอบไปฝังหมุดโฉนดในที่ดินที่ยังไม่ได้ยุติ และก็ถูกหลานสาวยื่นฟ้องต่อศาลฯ ดังกล่าว
นางคำพา ตาสี อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย และ นางรุน ผุยเหง้า อายุ 74 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ก็มาเป็นพยานยืนยันว่าทางสาธารณะอยู่บริเวณหลักรั้วไม้นี้ ไม่ใช่อยู่ในโฉนดของ น.ส.ละเอียด สมัยก่อนก็ใช้เส้นทางนี้เทียวไปเทียวมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่ นายเริง จะไปบุกรุกที่ดินของ น.ส.ละเอียด
ด้าน นายสาย มะละ อายุ 53 ปี ที่ถูก น.ส.ละเอียด อ้างต่อศาลฯ ว่าเป็นพยานฝ่ายตน ได้ออกมาพูดว่าทางสาธารณะที่อยู่ในใบโฉนดของ น.ส.ละเอียด นั้น เป็นทางสาธารณะเกิดใหม่ และไม่มีใครรู้มาก่อนด้วย ขณะที่ นายจีระศักดิ์ สินกระทำ อายุ 57 ปี พาผู้สื่อข่าวไปดูหลักหมุดโฉนด ที่อ้างว่าเป็นเขตที่ดินของ น.ส.ละเอียด
นายจำรัส ศิริดวงใจ ผู้ใหญ่บ้านเหล่าสวนกล้วย หมู่ 4 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าการออกรังวัดที่ดินก็ไม่มีการแจ้งผู้นำหมู่บ้าน ทางสาธารณะก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มีการระบุอยู่ในใบโฉนดที่เป็นข้อพิพาท และยืนยันว่านายเริงที่กลายมาเป็นจำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินใครทั้งสิ้น พร้อมแนะนำว่าอยากให้เด็กควรรับฟังผู้ใหญ่บ้าง ถ้ารู้ว่าผิดควรแก้ไขไม่ใช่จะดันทุรัง