"หนุ่มพะเยา" เปิดพื้นที่นาเป็นศูนย์เรียนรู้การทำนาแบบอินทรีย์ต้นทุนต่ำ หลังได้รับรางวัลออร์กานิคไทยแลนด์หลายปีซ้อน
24 ส.ค. 2563, 10:33
ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า วันที่ 24 สิงหาคม 2563 หนุ่มใหญ่วัย 58 ปีในพื้นที่บ้านกว้าน หมู่ที่ 10 อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยาเปิดพื้นที่นาของตนเองเป็นศูนย์เรียนรู้การทำนาแบบอินทรีย์ต้นทุนต่ำ หลังได้รับรางวัลออร์กานิคไทยแลนด์ มาเป็นระยะเวลาหลายปีซ้อน โดยต้องการที่จะถ่ายทอดการทำเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียงและต้นทุนต่ำ ให้กับชาวนาโดยทั่วไป นอกจากนั้นยังได้ตกแต่งพื้นที่นาของตนเองเป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปที่สวยงาม เพื่อดึงดูดความสนใจให้กับเด็กเยาวชนได้เข้ามาเรียนรู้การทำนาดังกล่าว
นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ หนุ่มใหญ่วัย 58 ปีในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลดงเจน อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา นำผู้สื่อข่าวเข้าดูแปลงนาของเขาเองที่ใช้พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ทำการปลูกข้าวอินทรีย์พร้อมทั้งเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้ การทำนาแบบอินทรีย์ที่ใช้ต้นทุนต่ำ หลังเขาประสบผลสำเร็จในการทำนาและได้รับผลผลิตที่มีมาตรฐานจน ได้รับรางวัล ออร์กานิคไทยแลนด์ หลายปีซ้อนกันจึงอยากจะนำแนวคิดดังกล่าวทำการเผยแพร่การทำนา ให้กับเกษตรกรโดยทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังได้จัดตกแต่งพื้นที่นาเป็น เช็กอินถ่ายรูปที่สวยงาม ซึ่งสร้างความสนใจให้กับเด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไปเดินทางมาท่องเที่ยวและศึกษาอย่างต่อเนื่อง
โดยนายสุรพล เล่าว่า แนวคิดที่ตนเองได้ทำการเปิดศูนย์เรียนรู้การทำนาแบบอินทรีย์ ดังกล่าวสืบเนื่องจากแต่เดิมนั้นตนเองก็ใช้พื้นที่ตรงนี้ทำนาแบบอินทรีย์อยู่อย่างต่อเนื่อง และหลายปีที่ผ่านมาทางกรมการข้าว ก็ได้ทำการตรวจผลผลิตและได้รับรางวัล ออร์แกนิคไทยแลนด์ มาหลายปีซ้อน หลังจากที่การเกิดวิกฤติโควิด-19 รายได้ส่วนอื่นนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ตนเองต้องทำนาและทำการเกษตรในลักษณะที่พึ่งพาตนเอง ตามหลักทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยการทำนาที่นี่จะใช้ระบบเกื้อกูลกัน ซึ่งจะมีการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ตลอดจนถึงปลาละปลูกพืชผัก โดยเป็ดนั้นก็จะปล่อยให้จัดการกับ แมลงศัตรูพืชอื่นๆที่รบกวนนาข้าว
ซึ่งหลังจากที่ได้รับผลกระทบนั้น ถึงแม้ตนเองไม่มีรายได้ส่วนอื่น แต่ตนเองก็สามารถอยู่ได้เนื่องจากมีข้าวมีพืชผักและมีเป็ดมีไก่รับประทานในครัวเรือน หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตโควิด 19 ตนเอง จึงอยากจะ ถ่ายทอดการทำเกษตรแบบอินทรีย์ที่ใช้ต้นทุนต่ำ ให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพื่อที่หาจะให้เกษตรกรนำไปปรับใช้ ซึ่งนอกจากนั้นตนเองยังได้ตกแต่งพื้นที่นาให้เป็นจุด เช็กอินถ่ายรูปเพื่อเป็นการดึงดูดให้กับเด็กเยาวชนตลอดจนถึงประชาชนทั่วไปได้เข้าเรียนรู้ซึ่งหลังจากที่ได้ทำไปแล้วพบว่ามีเด็กเยาวชนตลอดจนถึงผู้ปกครอง ที่ทราบข่าวพาเด็กๆเข้ามาศึกษาเรียนรู้การทำนากันอย่างต่อเนื่อง สำหรับศูนย์เรียนรู้ดังกล่าวนั้นตนเองตั้งชื่อว่า “จูโต้ง”หมายถึง อยู่กับท้องนา