ผวาทั้งรพ.! ผู้ป่วยพกปืนเข้ามารักษา รีบแจ้งตร.ตรวจสอบ ยันมีใบอนุญาต
20 ส.ค. 2563, 08:44
วันนี้ 19 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลนางรอง ว่ามีผู้ป่วยที่เข้าไปรักษาตัว พกพาอาวุธปืนติดตัวมาด้วยเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย ทั้งกับเจ้าหน้าที่และผู้มาใช้บริการในโรงพยาบาล
จากนั้น ร.ต.อ.วรานนท์ อุ้มรัมย์ รอสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.นางรอง พร้อมด้วยสายตรวจ 191 และเจ้าหน้าที่ รปภ. ของโรงพยาบาล ได้เข้าไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งเหตุ โดยผู้ป่วยรายดังกล่าว ชื่อนายแดง (นามสมมติ) อายุ 58 ปี รักษาตัวอยู่ที่อาคาร 5 ชั้น 3 แผนก หู คอ จมูก เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เตียงและสิ่งของของผู้ป่วยรายดังกล่าว แต่ไม่พบอาวุธปืน มีเพียงกระสุนปืนจำนวน 5 นัดในกระเป๋าสะพายที่เพื่อนของผู้ป่วยสะพายอยู่
จากการสอบถามนายแดง ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัว ยอมรับว่าตัวเอง เป็นเจ้าของปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ .38 และนำปืนมาด้วยจริง พร้อมนำเอกสารใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนสำหรับป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน ออกมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูเพื่อยืนยันว่าเป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ทั้งอ้างว่าไม่มีเจตนาที่จะพกเข้ามาในโรงพยาบาล แต่ตอนเช้าวันนี้ได้เดินทางไปทำบุญไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอประโคนชัย ก่อนจะมาตรวจอาการป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ที่โรงพยาบาลนางรอง ตามแพทย์นัดในช่วงบ่าย โดยไม่ทราบว่าหลังตรวจเสร็จแพทย์จะได้นอนดูอาการ แต่พอแพทย์แจ้งว่าให้นอนโรงพยาบาลจึงได้โทรศัพท์ไปบอกเพื่อนที่ อ.ปะคำ ให้ช่วยมาเอาปืนที่โรงพยาบาลไปเก็บไว้ที่บ้านให้ด้วย
จากนั้นเพื่อน 2 คน เดินทางมาเอาปืนที่โรงพยาบาลในขณะที่หยิบปืนส่งให้เพื่อนพยาบาลมองเห็นปืนพอดี อาจจะตกใจและเข้าใจผิด คิดว่าจะเอาปืนมาทำอะไรหรือไม่ โดยเพื่อนคนที่มาเอาปืนได้เดินทางกลับไปบ้านแล้ว แต่ยังเหลือกระสุนปืน 5 นัด ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายก็ได้ฝากไว้กับนายธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนอีกคนที่มาด้วย ที่อยู่เป็นเพื่อนคนป่วย
ในขณะที่ นายธวัชชัย ได้สะพายกระเป๋าของผู้ป่วยไว้นั้น เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น ปรากฏว่า มีเครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 ในย่าม จำนวน 5 นัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึด ก่อนให้ นายธวัชชัย พาเจ้าหน้าที่ลงไปค้นรถของผู้ป่วยที่จอดไว้ลานจอดรถ แต่เมื่อไปค้นไม่พบอาวุธปืนหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างได
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายธวัชชัย ผู้ที่สะพายกระเป๋าและมีกระสุนปืนในกระเป๋า ไปสอบสวนและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา “พกพาเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย”