เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก เตือนคนไทยอย่าประมาท ละเลยการสวมใส่หน้ากากอนามัย หลังผลวิจัยล่าสุด พบว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่ออกจากผู้ป่วยในรูปแบบละอองฝอยขนาดเล็ก (aerosol) กระจายในอากาศได้ไกลกว่า 2 เมตร โดยไม่จำเป็นต้องทำหัตถการใด ๆ

ข้อความระบุว่า ในช่วง 4 - 5 เดือนแรกของการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 แพทย์ส่วนใหญ่รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเชื่อว่าไวรัสโควิดติดต่อกันได้เพียง 2 ทาง คือทางละอองขนาดใหญ่ (droplets) จากการไอหรือจามรดกันในระยะ 1-2 เมตร และการสัมผัสทางมือ ส่วนการแพร่กระจายเชื้อผ่านทางละอองฝอย (aerosol) ในอากาศเชื่อว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ได้รับหัตถการจากบุคลากรทางการแพทย์ เช่นดูดเสมหะ หรือใส่ท่อช่วยหายใจเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการรณรงค์เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และล้างมือก่อนเอามือมาแคะจมูกหรือขยี้ตาเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเชื่อว่าไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายในอากาศผ่านทางละอองฝอย (aerosol) เวลาหายใจออก พูดคุย ตะโกนเสียงดัง ส่งเสียงเชียร์ ร้องเพลง และไอจาม ออกมาไกลกว่า 2 เมตร และหน่วยงานสาธารณสุขในทุกประเทศรณรงค์ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า

ล่าสุด มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Florida ในประเทศสหรัฐอเมริกา เก็บตัวอย่างอากาศในห้องของผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ที่นอนรักษาในโรงพยาบาลโดยไม่ได้ทำหัตถการใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ระยะห่างจากผู้ป่วย 2 เมตร และ 4.8 เมตร (ดูรูป) นอกจากจะตรวจพบรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอากาศทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งตรงกับเชื้อไวรัสในตัวของผู้ป่วยแต่ละคนแล้ว ได้นำตัวอย่างอากาศนั้นไปเพาะเชื้อ พบเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเชื้อเป็น สามารถแบ่งตัวได้