วันนี้ ( 5 ส.ค. 2563) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงายว่า เกิดเหตุน้ำป่าจากลำห้วยกุยมั่ง ซึ่งอยู่ติดกับพุน้ำร้อนหินดาด ได้ไหลหลากเข้าท่วมบ่อน้ำพุร้อน ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในออนเซ็นเมืองไทย สาเหตุเกิดจากฝนที่ตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวันจนทำให้ปริมาณน้ำในลำห้วยสูงขึ้นและไหลแรงจนหลากเข้าท่วมบ่อน้ำพุร้อนดังกล่าว

ซึ่งปกติช่วงฤดูฝนในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จะมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำห้วยกุยมั่งมีระดับสูงและไหลแรง ประกอบกับจุดที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อน มีลักษณะเป็นคอขวด จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี

สำหรับบ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่ริมลำห้วย ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวสามารถลงแช่ได้ทั้งธารน้ำร้อนและน้ำเย็น ซึ่งบ่อน้ำพุร้อน มีจำนวน 5 บ่อ เปิดให้แช่ได้ 4 บ่อ ส่วนอีก 1 บ่อเป็นบ่อขนาดเล็กจะปิดไว้ เนื่องจากเป็นน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนที่สุด

โดย นายยุทธนา อิ่มประสิทธิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำเวลาประมาณ 20.00 น. ของวานนี้ (4 ส.ค.63) น้ำป่าจากลำห้วยกุยมั่ง ซึ่งอยู่ติดกับบ่อน้ำร้อนน้ำพุร้อนหินดาด ได้ไหลหลากเข้าท่วมบ่อน้ำพุร้อน สาเหตุเกิดจากฝนตกที่หนักติดต่อกันในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ล่าสุดในพื้นที่ฝนได้หยุดบ้างตกแล้ว ทำให้ระดับน้ำที่ไหลหลากเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่กระแสน้ำยังไหลแรง ทาง อบต.หินดาด จึงได้ประกาศปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวแล้ว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและแจ้งเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะต้องปิดให้บริการต่อไปอีกกี่วัน เพราะขึ้นอยู่ที่ปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ซึ่งคาดว่าในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกอยู่ อย่างไรก็ตามหากฝนหยุดตก หรือปริมาณฝนน้อยลง ระดับน้ำในลำห้วยก็จะลดลง และเมื่อน้ำลดระดับลง เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถเข้าทำความสะอาด และเปิดบริการนักท่องเที่ยวได้ตามปกติทันที

สำหรับ ดร.ศุภกร สุขประสิทธิ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า หมอจาง นายแพทย์สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้นำรถจำนวน 3 คัน พร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย เดินทางจากสำนักงานเพื่อเข้าไปยังจุดที่รถได้พลิกคว่ำกลางป่าทุ่งใหญ่ ขณะที่ได้นำคณะพยาบาลวิชาชีพ รวมทั้งเจ้าพนักงานสาธารณสุข และนักวิชาการสาธารณสุข ประมาณ 20 คน เดินทางไปออกหน่วยให้บริการเชิงรุก ในการรักษาพยาบาล  ส่งเสริมสุขภาพ ตรวจสุขภาพนักเรียน พร้อมให้สุขศึกษาการดูแลสุขภาพในชุมชน และอบรมหลักสูตรอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน (อสช.)

โดยคาดว่าการเดินทางเข้าไปในครั้งนี้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ในการเข้า-ออก เนื่องจากเส้นทางยากลำบากมากๆ จากฝนที่ยังตกมาต่อเนื่อง และหากไม่มีอุปสรรค คาดว่าในช่วงค่ำวันนี้น่าจะออกมาถึงตัวอำเภอสังขละบุรี ได้แต่หากขัดข้องก็ต้องนอนพักแรมอยู่ด้านในกลางป่าทุ่งใหญ่ก่อน