วันที่ 5 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์ สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายแพทย์ณรงค์ ธาดาเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายพัฒน์ภพงษ์ บัวสุวรรณ์ อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ในข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน พร้อมของกลางจำนวนมาก เช่น บัตรเอกสาร โทรศัพท์มือ เครื่องแต่งการในวันก่อเหตุ โดยก่อนแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

 

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจชุมชนโรงพยาบาลอุดรธานี ว่าได้มาเฝ้าไข้ภรรยา ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ตึกรวมเมตตา โดยพักหลับนอนอยู่หน้าห้องพักฟื้นผู้ป่วย เมื่อตื่นมาพบว่าทรัพย์สินสูญหายไป ต่อมาจนท.ตร.ได้สืบสวนทราบว่าบุคคลที่ก่อเหตุคือ นายพัฒน์ภพงษ์ บัวสุวรรณ ซึ่งมีพฤติการณ์ตระเวนก่อเหตุหลายจังหวัด แผนประทุษกรรมจะเลือกก่อเหตุในโรงพยาบาลช่วงกลางดึก ทำให้เกิดความหวาดผวากับบรรดาญาติผู้ป่วย ตลอดจนบุคลากรของโรงพยาบาล ทำให้ขาดสมาธิในการทำงาน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกประทุษร้ายทั้งต่อทรัพย์สินและร่างกายทำให้บางโรงพยาบาลต้องเพิ่มกำลังคนในการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น

 

จากการสอบสวน ได้มีการรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล จนสามารถระบุตำหนิรูปพรรณคนร้ายได้อย่างชัดเจน สามารถทราบชื่อและข้อมูลของผู้ต้องหา และได้มีการส่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ทางโซเชียลมีเดีย อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการส่งข้อมูลไปยังการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดต่างๆเพื่อช่วยสอดส่อง และแจ้งเบาะแสหากพบผู้ต้องสงสัย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 จนท.ตร.ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นบุคคลคล้ายคนร้ายที่ก่อเหตุ เข้าพักอาศัยในรีสอร์ทพื้นที่อ.โคกศรีสุพรรณ  จ.สกลนคร จึงเข้าตรวจสอบก็พบผู้ก่อเหตุ พร้อมพยานหลักฐาน เอกสารของผู้เสียหายารายต่างๆที่ถูกขโมยมาหลายรายการ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ พร้อมบอกว่าทำมาหลายโรงพยาบาล นอกจากโรงพยาบาลอุดรธานีแล้ว ยังมีที่โรงพยาบาลกุมภวาปี รพ.หนองคาย รพ.โพนพิสัย รพ.กาฬสินธุ์ รพ.ขอนแก่น รพ.นาแก นครพนม  รพ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร  และรพ.เขื่องใน อุบลราชธานี

 

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเพิ่งพ้นโทษใข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและลักทรัพย์ ออกจากเรือนจำจังหวัดสุรินทร์มาเมื่อเดือนมีนาคม2563 โดยอ้างว่าหลังพ้นโทษเดินทางกลับหาญาติที่จ.นครพนม แต่ก็ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม พยายามหางานทำก็ไม่มีใครรับ จนต้องหันกลับมาก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง โดยจะเลือกก่อเหตุในโรงพยาบาลท้องที่ที่ตนเองค้างคืน เมื่อได้ทรัพย์สินก็จะนำไปขาย แล้วเดินทางเปลี่ยนท้องที่ไปก่อเหตุเรื่อยๆจนมาถูกจับกุมในที่สุด ซึ่งคาดว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย จะได้ทำการขยายผลต่อไป เพื่อดำเนินคดีจนกว่าจะถึงที่สุด