จากกรณีที่ น.ส.จิน ได้โพสต์ในเฟสบุ๊คว่า ลูกสาวของตนเองโดนครูชายที่ ร.ร.แห่งหนึ่งในเขต อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ใช้มีดกรรไกรแหกเส้นผมจนไม่เป็นทรงผม ทำให้เด็กเกิดความอับอายเพื่อน ๆ มาก  ซี่ง น.ส.จิน ได้เรียกน้อง ออง  (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี  ลูกสาวออกมาพบกับผู้สื่อข่าวและชี้ให้ดูบริเวณเส้นผมบนศีรษะของลูกสาวที่โดนครูแหกเส้นผมจนแหว่งไม่เป็นทรงผม  ซึ่งพบว่า  เส้นผมโดนตัดขาดบริเวณหูข้างขวา ยาวประมาณ 3 นิ้ว 

ส่วนผมด้านหลังท้ายทอยยังเป็นทรงผมยาวใต้คางเล็กน้อย  และ น.ส.จิน แม่ของเด็กถามว่า การที่ครูใช้กรรไกรแหกทรงผมของเด็กนักเรียนหญิงลูกสาวของตนนั้น  ทำเพื่อต้องการอะไร  ทำไมเมื่อครูตรวจพบความไม่เรียบร้อยของทรงผมเด็กนักเรียนควรที่จะเรียกไปเตือนเป็นรายตัว ว่าให้ไปตัดผมให้เรียบร้อย  และการที่ใช้กรรไกรแหกเส้นผมเด็กแบบนี้ ทำให้เด็กนักเรียนเรียนหนังสือเก่งมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่  ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 ก.ค. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริษัท พี.เค.ซิตี้ทัวร์ จำกัด ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์  ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน  จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า  เรื่องนี้  หลังจากที่ตนดูข่าวแล้วเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตมากมายนัก  และช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ จึงอยากขอให้คุณแม่ของเด็กนักเรียน  และทาง ร.ร.ให้ทำเหมือนว่า ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าจะทำให้เด็กได้รับผลกระทบมาก ตนดูแล้วเห็นว่าทรงผมก็ไม่ได้เสียหายอะไรนักหนา  เพราะว่า หากมองดูในทางบวกแล้ว แม้ว่าครูจะไปตัดผมเด็กแต่ก็ยังเป็นทรงผมอยู่  ตนอยากอ้อนวอนคุณแม่อยากให้เร่งคุยกับทาง ร.ร. ตนไม่อยากให้ปัญหาเรื่องนี้ยาวนานออกไป อยากให้เรื่องนี้เงียบไปเร็วที่สุด ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอมใหม่และตนอยากให้เด็ก น.ร.ไปเรียนหนังสืออย่างมีความสุข  อยากให้ทาง ร.ร.ให้อภัยเด็กด้วย เพราะว่าเด็กอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือว่าการสื่อสารอาจจะไม่ชัดเจนทั่วถึงกัน  ตนจึงอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายแม่ของเด็กและทาง ร.ร.ได้มีการเร่งพูดคุยกันไม่อยากให้เรื่องนี้เนิ่นนานออกไป  เพราะว่าไม่ได้เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ทั้งฝ่ายเด็กและฝ่าย ร.ร.เปิดเทอมใหม่เด็กนักเรียนจะได้ตั้งใจเรียนอย่างมีความสุข  ขอให้แม่ของเด็กนักเรรียนส่งลูกไปเรียนตามปกติ ส่วนทรงผมก็ขอให้ทำตามกฏระเบียบของ ร.ร. และตนขอฝากทาง ร.ร.ให้ช่วยดูแลเด็กนักเรียนด้วย เพื่อให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดีเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายต่อไป