เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า  ที่กองร้อย อส.อำเภอเมือง จ.นครพนม นายชาตรี จันทร์วิระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายสมลักษณ์ ยกน้อยวงษ์ นายอำเภอเมืองนครพนม นายประพันธ์ศักดิ์ บุตรรัตน์ ปลัดอาวุโสอำเภอเมือง พ.ต.ท.ชิษณุพงษ์ ทองเกื้อ ผบ.ร้อย ตชด.236 นครพนม  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง และ ปปส. แถลงการณ์จับกุม ขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติรายสำคัญ หลังมีการสืบสวนติดตามจับกุม แก๊งเครือข่าย ค้าบ้าข้ามชาติ จนกระทั่งสามารถจับกุม นายวิชัย นิวงษา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 382/2 หมู่ 2 บ้านรามราช ต.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมด้วย เพื่อนร่วมเครือข่าย คือ นายวีระพงษ์ เหง้าน้อย อายุ 45 ปี ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จำนวน กว่า 42,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 100 กรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึง สร้อยคอทองคำหลายรายการ เงินสดจำนวน 5 แสนบาท และโฉนดที่ดิน 29 ไร่ โดยจับกุมตรวจยึดได้เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะ นายวีระพงษ์ เหง้าน้อย อายุ 45 ปี อาชีพหาปาน้ำโขงขาย ทำหน้าที่ไปติดต่อรับยาบ้าจากขบวนการค้ายาบ้าชาวลาว ที่ลักลอบนำเข้ามาส่งทางเรือหางยาว ก่อนที่จะนำมาส่งต่อให้ นายวิชัย  นิวงษา อายุ 29 ปี เอเย่นต์ค้ายาบ้ารายสำคัญในพื้นที่ ซึ่งมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยทางเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามพฤติกรรมมานาน แต่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัว จนกระทั่งครั้งนี้ ได้มีการจับกุมตรวจยึดยาบ้า ก่อนขยายผลจับกุมได้ พร้อมของกลาง และอายัดทรัพย์สินทั้งหมดมาตรวจสอบ ดำเนินคดี

ด้าน นายชาตรี จันทร์วิระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดฝ่ายปกครอง ร่วมกับ ตชด. และเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง วางแผนลงพื้นที่ ติดตามจับกุม ผู้ต้องหาได้รายแรก ซึ่งอาศัยอาชีพทำประมงหาปลาน้ำโขง ในการลักลอบรับจ้างส่งยาบ้า มาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ก่อนนำมาส่งให้เอเย่นในเครือข่ายนำมาพักรอการส่งต่อไปขาย ซึ่งสอบสวนทราบว่าในครั้งนี้ ได้รับจ้างจาก นายเบียร์ หรือ นายวิชัย นิวงษา อายุ 29 ปี เอเย่นต์ค้ายาบ้ารายสำคัญในพื้นที่ แต่ไม่เคยมีประวัติถูกจับกุม ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน ประมาณ 50,000 บาท โดยทำมาหลายครั้ง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบจับกุมได้ ซึ่งสอบสวนเชิงลึกทราบว่า เป็นรายสำคัญ ที่เชื่อมโยงขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติ และจะมีการเร่งสอบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี นอกจากนี้จะได้ประมาณหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังพบว่ามีเงินหมุนเงียน และมีทรัพย์สินจำนวนมาก คาดว่ามาจากการค้ายาเสพติด เพื่อใช้กฎหมายเข้าไปตรวจสอบอายัดเอาผิดตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ทางจังหวัดนครพนม จะได้ เพิ่มมาตรการเข้ม ในการสกัดกั้นปราบปรามจับกุม อีกทั้งทาง ผวจ.นครพนม ได้คาดโทษ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากมีลูกบ้านในความรับผิดชอบ ค้ายาเสพติด จะต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ถือว่า ละเลยต่อหน้าที่ และเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งการคัดกรองกลุ่มผู้เสพ ไปถึงผู้ค้ารายย่อย รายใหญ่ รวมถึงการสร้างความร่วมมือชาวบ้านในการตรวจสอบแจ้งเบาะแส