วันที่ 23 มิถุนายน 2563 นายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสกลนคร  นำคณะลงพื้นที่การก่อสร้างปั๊มน้ำมัน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร โดยการแจ้งเบาะแสของชมรม STRONG -จิตพอเพียง สกลนคร ว่าพบสิ่งปลูกสร้างปั๊มน้ำมันรุกกล้ำลำน้ำสาธารณะลำห้วยทราย  ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏฯ  จึงได้ประสานไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และนายกเทศมนตรีนครสกลนคร เพื่อหารือบริเวณที่มีการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ภายหลังจากการหารือ  พบว่ามหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ได้ขออนุญาตก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างปั๊มน้ำมันและอาคาร จากเทศบาลฯแล้ว  ส่วนบริเวณสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่พัก เพื่อนั่งรับประทานอาหาร และเครื่องดื่ม ตลอดจนที่สูบบุหรี่และสนทนา ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากแบบยังไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ซึ่งกรณีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว หากเป็นลำห้วยซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันการดำเนินการใดๆ อยู่ในอำนาจของกรมการปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ต้องขออนุญาตจากนายอำเภอ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามลำดับ  เพื่อเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการได้  และปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด  ตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 (ข้อ7) ตามหลักการแล้ว นายอำเภอ และนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่สามารถอนุญาตให้ใช้ที่สาธารณะประโยชน์ดังกล่าวได้  แต่หากการดูแลรักษาที่สาธารณะประโยชน์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่คุ้มครองรักษา สาธารณสมบัติ รวมถึงการฟ้องร้องและถูกฟ้องร้องด้วย ซึ่งจะได้ประชุมหารือกันอีกครั้งเพื่อหาข้อยุติ

นายธีรัตน์ บางเพ็ชร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามประกาศ ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร และการใช้ที่สาธารณะประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน ซี่งวันนี้ ป.ป.ช. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบด้านหลังของปั๊มน้ำมันติดกับลำคลองห้วยทราย เดิมทางมหาลัยได้ทำเรื่องขออนุญาตปลูกสร้างปั๊มน้ำมัน  ได้ยื่นแบบไปยังเทศบาลฯ ตามแบบได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ต่อมาเมื่อทำการก่อสร้างได้มีการเพิ่มแบบ  ในส่วนที่ก่อสร้างที่สูบบุหรี่ของผู้มาใช้บริการ ตรงนี้ไม่ได้ขออนุญาตเพิ่มเติม ซึ่งทั่วทั้งจังหวัดขณะนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ฯ สำรวจไปทั้งหมด 176 หน่วยงาน ปรากฏว่า มีรุกล้ำอยู่ 47 แห่ง ทางกรมเจ้าท่าได้ดำเนินคดีไปแล้ว 4 แห่ง แล้วก็แจ้งรื้อถอน 7 แห่ง ทาง ป.ป.ช. ก็ได้รับเรื่องจากกรมเจ้าท่าดำเนินคดีเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ละเว้นหรือไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือน่านน้ำไทย ทั้งหมด 4 แห่ง และที่เหลือจะดำเนินการอีก 40 แห่ง