รองโฆษก รบ.เผยจุดยืนรัฐบาลในเรื่อง CPTPP เผย นายกฯสั่งศึกษาละเอียดก่อนตัดสินใจ
19 มิ.ย. 2563, 18:01
วันนี้ ( 19 มิ.ย.63 ) นางสาว รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่อง "CPTPP" (ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) ซึ่งเป็นการอธิบายแนวทางและจุดยืนของรัฐบาลในเรื่องนี้ ระบุว่า
ชื่ออังกฤษ: CPTPP หรือ ชื่อภาษาไทยว่า “ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” อ่านกันสักนิดจะได้เข้าใจจุดยืนรัฐบาล เพื่อความเข้าใจกันและกัน
1. นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ต้องเร่งศึกษาผลดีและผลเสีย ในการตัดสินใจว่าไทยควรจะเข้าหรือไม่เข้าร่วมการเจรจา CPTPP อย่างรอบคอบ
2. ปัจจุบัน สมาชิก CPTPP มี 11 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม
3. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกาศสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าร่วมการเจรจาเพื่อรับฟังข้อตกลง CPTPP ในเบื้องต้น เพราะมองว่า การเข้าร่วมวงเจรจาเปรียบเสมือนไทยได้รับสิทธิที่จะเดินเข้าไปห้องประชุมลับ เพื่อที่เราจะได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ด้วยตัวของเราเอง แทนที่จะรับข่าวสารอยู่วงนอก
คำตอบต่อข้อห่วงกังวลว่า CPTPP จะทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศสมาชิก CPTPP อื่น ๆ แบ่งได้เป็น 3 ประเด็น
1.การผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืช
-เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในกลุ่มพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ดั้งเดิม พันธุ์ป่าของพืชทุกชนิด รวมถึงสมุนไพร และพันธุ์การค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ไปปลูกต่อได้เหมือนเดิม
-ข้อยกเว้นให้เกษตรกร สามารถเก็บพันธุ์พืชใหม่ ที่ได้รับการจดทะเบียนคุ้มครอง ไว้ใช้เพาะปลูกต่อในพื้นที่ของตนได้ และยังนำพันธุ์พืชใหม่นึ้ไปพัฒนาต่อยอด โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของพันธุ์
-อนุสัญญายู UPOV 1991 ให้การคุ้มครองสิทธิแก่ผู้พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ทั้งหมด รวมถึงนักวิจัยภาครัฐ นักปรับปรุงพันธุ์พืชอิสระ นักศึกษา เกษตรกร หรือบุคคลทั่วไป สามารถยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ได้
-CPTPP ไม่ได้กำหนดให้สมาชิก ต้องปรับกฎหมายภายในประเทศ ในเรื่องสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ (Modern Biotechnology) แต่อย่างใด
2.การเข้าถึงยาของประชาชนและเครื่องมือแพทย์
-ไทยจะยังมีสิทธิบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (CL) ตามกรอบความตกลงทริปส์ขององค์กรการค้าโลก (WTO) ดังเช่นที่ไทยมีอยู่ในปัจจุบันทุกประการ
3.การเข้ามาแข่งขันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ
-ถ้ามูลค่าโครงการต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ก็ไม่ต้องเปิดให้เข้ามาแข่งขัน
-มีระยะเวลาการปรับตัว (มาเลเซียขอระยะเวลาปรับตัว 20 ปี / เวียดนามขอปรับตัว 25 ปี)