ครอบครัวช่างก่อสร้างต้องพักงานอยู่บ้าน ลูกสาวเห็นแม่ทำอาหารเก่งและอร่อย ลองโพสต์ขายออนไลน์ กลายพลิกวิกฤตเป็นโอกาส จากวันแรกเพียงหลักสิบ ปัจจุบัน ยอดสั่งทะลุหลักร้อย

ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวปลายขวัญ คีรีเพ็ชร์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 8 ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัด เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนเองเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่รวมกันหลายๆ คน ทั้งลูกๆ หลานๆ รวมถึงคนงาน เพราะที่บ้านทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่บ้านจึงต้องทำกับข้าวทานกัน ที่สำคัญคือคุณแม่คือ นางวัลภา คีรีเพ็ชร์ เป็นคุณย่าและคุณยายของหลาน มีฝีมือในการทำอาหารสูตรปักษ์ใต้เป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวของตนเองเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่มาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ชุมพรและปักหลักปักฐานอยู่ที่จังหวัดชุมพร โดยแม่จะชอบทำกับข้าวทานเองที่บ้าน และแต่ละครั้งก็จะทำอาหารเป็นหม้อใหญ่ๆ เพื่อจะได้ทานกันได้ทุกคน ฝีมือของแม่จึงเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในบ้าน เพราะเป็นรสชาติอาหารใต้แท้ๆ ที่มีเข้มข้นแบบฉบับอาหารใต้

เมื่ออาหารที่อร่อยและมีความน่าทาน ลูกๆ หลานๆ เวลาที่แม่ทำอาหาร ก็จะถ่ายภาพโพสต์ในเฟซบุ๊ก เมื่อมีเพื่อนเห็นก็ถามกันว่า ขายที่ไหน และอยากทานอาหารฝีมือของแม่ และเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงโรคโควิดระบาดจึงทำให้พวกเราออกไปไหนไม่ได้ ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน รวมไปถึงธุรกิจการรับเหมาก่อสร้างก็ต้องหยุดเช่นกัน เพราะการเดินทางลำบาก ในช่วงดังกล่าวเมื่อทุกคนอยู่บ้านรวมกันจึงทำอาหารกินกันทุกมื้อและโพสต์เฟซบุ๊ก ทำให้ในช่วงนั้นมีคนถามว่าขายหรือเปล่า ขายที่ไหน อยากกินต้องทำยังไง จึงมานั่งคิดกันว่าลองทำขายเล่นๆ ในกลุ่มเพื่อนๆ ดู เพราะช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ว่างจากงานกันพอดี

นางสาวปลายขวัญ กล่าวว่า จากที่เริ่มขายกับคนที่รู้จักเพียงไม่กี่คน เริ่มมีการบอกต่อ ออเดอร์เริ่มมากขึ้น ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าผลตอบรับจะดีขนาดนี้ เมื่อผลตอบรับดี ออเดอร์มากขึ้น ตนเองจึงตั้งเพจที่ชื่อว่า มื้อนี้ที่ครัวแม่เฒ่า (แม่เฒ่า ภาษาใต้หมายถึงคุณยาย) โดยเมนูที่ใครๆ ต้องลองทาน คือ ข้าวยำน้ำบูดู โดยน้ำบูดูจะเป็นสูตรของครัวแม่เฒ่าโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนผสมของการทำน้ำบูดู มีปลาจิ้งจั้ง น้ำตาลปีบ จะต้องเป็นน้ำตาลมะพร้าวแท้ๆ น้ำตาลทราย ตะไคร้ กะปิ โดยขั้นตอนแรกคือการเอาน้ำร้อนตั้งไฟและใส่ตะไคร้ลงไป รอจนน้ำเดือด ก็จะเอาปลาจิ้งจั้งใส่ลงไป ตามด้วยกะปิ น้ำตาลปีบ น้ำตาลทราย และเครื่องปรุงรส หลังจากนั้นก็ตั้งไฟอ่อนๆ เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน ก็เอามากรองเฉพาะน้ำ ส่วนเนื้อปลาที่ต้มไว้นั้น คุณแม่ยังเอามาประกอบอาหารดัดแปลงเป็นอย่างอื่นได้อีก ในส่วนเครื่องเคียงที่ทานกับข้าวยำก็จะมี ส้มโอ พริกป่น กุ้งแห้ง ปลากรอบ ถั่วฝักยาว แครอท มะม่วง ตะไคร้ มะนาว ข้าวคั่ว ใบขมิ้นและใบชาพลูหั่นฝอย ซึ่งคุณแม่บอกว่า ผักที่มีอยู่ใกล้ตัวสามารถดัดแปลงนำเอามาทานได้หมด ดอกไม้อย่างดอกดาหลาก็สามารถนำมาเป็นเครื่องเคียงในการทานกับข้าวยำได้ เพียงแต่ปัจจุบันนี้ค่อนข้างหายาก นอกเหนือจาก ข้าวยำน้ำบูดูสูตรของครัวแม่เฒ่าแล้ว ก็จะมี บะหมี่เกี๊ยวสามหมูซอสซีอิ้วดำ กุยช่ายทอด ข้าวหมูทอด บะหมี่เกี๊ยวหมูเด้งแห้ง ขนมกุยช่ายผัดทรงเครื่อง

นางสาวปรายขวัญ กล่าวต่อว่า ในช่วงเศรษฐกิจในยุคโควิดที่ผ่านมา ทุกคนต้องหยุดอยู่กับบ้าน แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุด และครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ ที่ทำธุรกิจร่วมกัน เพราะฉะนั้นเมื่องานไม่มี รายรับก็ไม่มี แต่ค่าใช้จ่ายยังมีอยู่ การทำอาหารส่งขายตามออเดอร์ในช่วงยุคโรคโควิดระบาด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้มีรายได้สามารถเป็นค่าอาหารให้กับคนในครอบครัวได้

“จากออเดอร์หลัก 10 ปัจจุบันนี้เป็นหลัก 100 มันสามารถช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้มากเลยทีเดียว โดยราคาตั้งแต่ 40 จนถึง 60 บาท จนตอนนี้ตนเองคิดว่า คงไม่ได้คิดทำแค่ในช่วงที่ว่างงานแล้ว เพราะหากหยุดทำ คนที่ชื่นชอบในรสชาติอาหารฝีมือแม่ก็คงไม่ได้ทาน ตนเองจึงคิดที่จะเปิดร้านขายอาหารฝีมือแม่ ร้านเล็กๆ ภายในพื้นที่บ้านของตนเอง เพื่อเป็นอีกอาชีพของครอบครัว และใครที่อยากทานก็สามารถแวะมาทานที่บ้านหรือสามารถซื้อกลับไปได้ หากใครที่อยากทานฝีมือข้าวยำน้ำบูดูสูตรครัวแม่เฒ่า รวมถึงอาหารเมนูอื่นๆ สามารถเข้าไปที่เพจ มื้อนี้ครัวแม่เฒ่า หรือโทรไปสอบถามได้ที่เบอร์ 091-7567058