ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า ความคืบหน้ากรณีครูสอนดำน้ำแบนส์ไดร์วิ่งเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พบฉลามวาฬ ถูกเชือกป่านล่ามรัดติดเข้าเนื้อบริเวณโคนหางได้รับบาดเจ็บมาหลายวันแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยตัดเชือกได้สำเร็จนั้น 

ล่าสุด สัตว์แพทย์หญิงพิมพ์ชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง(ชุมพร) เปิดเผยว่า หลังรับแจ้ง ทางศูนย์ได้ประสานไปยังเครือข่ายนักดำน้ำเกาะเต่า เกาะพะงันและเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากรวมทั้งเรือประมงในบริเวณใกล้เคียงให้ช่วยกันออกค้นหา ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์วิจัยฯเคยพบฉลามวาฬตัวนี้อยู่ในบริเวณเกาะเต่าและเกาะพะงัน มีพฤติกรรมว่ายน้ำและอาศัยอยู่ตามลำพัง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอาจเป็นฉลามวาฬที่ชื่อ เจ้าโทน 

สัตว์แพทย์หญิงพิมพ์ชนก กล่าวว่า ขณะนี้นักวิจัยกำลังเร่งเปรียบเทียบลักษณะเฉพาะของเจ้าโทนกับฉลามวาฬตัวที่พบว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบจากคลิปวีดีโอและภาพที่ครูสอนดำน้ำได้บันทึกไว้ คาดว่า ได้ถูกเชือกรัดมาระยะหนึ่งแล้วและเริ่มมีอาการอักเสบหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้อันตรายได้หรือถ้าเลวร้ายที่สุดก็อาจจะทำให้หางของฉลามวาฬตัวดังกล่าวขาด 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ส่งเครื่องมืออุปกรณ์ตัดเชือกไปประจำไว้ที่เกาะเต่า ซึ่งหากนักดำน้ำหรือเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก พบเห็นฉลามวาฬตัวดังกล่าวก็สามารถเข้าตัดเชือกได้ โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยฯ เพราะหากสามารถตัดเชือกออกได้เร็วก็ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการรักษาบาดแผล เนื่องจากสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ 

ด้านนางพรรณี แมคคาที(Phannee Mccarthy) ครูสอนดำน้ำที่พบฉลามวาฬบาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนแรกที่พบฉลามวาฬทุกคนที่ลงไปเรียนดำน้ำตื่นเต้นมาก แต่พอเขาว่ายมาใกล้ๆเห็นเชือกติดอยู่ข้างหลังรู้สึกสงสาร และเห็นแผลที่อยู่ข้างหลังเชือกได้เข้าเนื้อไปแล้วคงบาดเจ็บมากจนเขาว่ายวนมาหารอบที่ 3 เหมือนมาขอความช่วยเหลือ จึงเข้าไปนำมีดตัดให้แต่ไม่ขาด ซึ่งเคยตัดอวนช่วยปลาแต่ตัดเชือกแบบนี้ไม่เคยทำและรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเขาได้ จึงตัดสินใจนำคลิปไปโพสต์ขอความช่วยเหลือ และประสานผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเริ่มค้นหาและช่วยเหลือฉลามวาฬแล้ว

 

 

นอกจากนั้น คณะดำน้ำยังพบกระเบนนก 2 ตัว สัตว์ทะเลหายากเสี่ยงสูญพันธุ์ ที่บริเวณจุดดำน้ำกองหินชุมพร อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำใต้ทะเลที่สวยของเกาะเต่ามีระดับความลึกสูงสุดที่ 40 เมตร ซึ่งปลากระเบนนก 2 ตัวว่ายวนรอบกองหินอวดโฉมโฉบไปโฉบมาหลายรอบในระดับความลึกประมาณ 18 เมตร ถือเป็นความชื่นใจของนักดำน้ำเกาะเต่า เพราะปลากระเบนชนิดนี้ถือเป็นสัตว์ทะเลที่พบเห็นได้ยากในน่านน้ำไทย

สำหรับปลากระเบนนก หรือ กระเบนจุดขาว หรือ กระเบนเนื้อดำ หรือ กระเบนค้างคาว อยู่ในบัญชีแดง ของ IUCN องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  มีสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในระดับโลก พบกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ลักษณะลำตัวเป็นทรงขนมเปียกปูนมีจุดสีขาวกระจายทั่วไปบนหลัง ส่วนหางยาวมากเมื่อเทียบกับลำตัว ที่โคนหางมีเงี่ยง 2ถึง6 อัน โดยจะออกลูกครั้งละ 1ถึง6 ตัว ขนาดโตเต็มวัยลำตัวมีความยาวประมาณ 1 เมตรครึ่ง

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ฝากให้นักดำน้ำหรือชาวประมงช่วยดูแลปลากระเบนนก อย่าล่าหรือจับ เพราะเป็นสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งช่วงทะเลปิด 2 เดือนจากสถานการณ์โควิด ทำให้ธรรมชาติกลับมาฟื้นตัวมากเกิดปรากฎการณ์ที่เกาะสมุย เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่มากถึง 14 รัง ที่เกาะเต่า พบฉลามวาฬใหญ่ 3 ตัว ฝูงโลมา 20 ตัว ฝูงฉลามหูดำ 20ถึง30 ตัวและเต่าทะเลใหญ่ 1 ตัว ที่เกาะพะงัน พบโลมาสีชมพู 3 ตัว ที่หมู่เกาะอ่างทอง พบลูกแฝดค่างแว่นถิ่นใต้ ที่ดอนสัก พบฉลามวาฬใหญ่ 1 ตัว และส่วนบนบกที่ป่าคลองแสง อ.บ้านตาขุน พบนกชนหิน อีกจำนวนหนึ่ง