"วัดป่าดงมี่" มีศาลพระภูมิมากที่สุดในโลก เรียงเป็นรั้วรอบพื้นที่ 350 ไร่
15 มิ.ย. 2563, 16:02
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่วัดป่าดงมี่ บ้านท่าสำราญ หมู่ 10 ต.ทุ่งสว่าง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.ศรีสะเกษ และคณะได้เดินทางไปกราบนมัสการ หลวงพ่อทองหลาง อภินันโธ เจ้าอาวาสวัดป่าดงมี่ เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมและกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณวัดแห่งนี้ ซึ่งพบว่า ภายในวัดแห่งนี้ มีการนำเอารากต้นไม้หลากหลายชนิดมาประดับตกแต่งตาม 2 ข้างทางที่จะเข้าไปภายในวัด และมีศาลเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์มากอยู่ด้านข้างเส้นทางที่จะเดินเข้าไปภายในวัด มีการนำเอาดอกไม้ธูปเทียน ชุดไทยและผ้าสีสันต่าง ๆ มาตกแต่งรอบศาลเจ้าแม่ ส่วนบริเวณด้านหน้าวัดมีศาลพระพรหมและศาลพระภูมิ จำนวนมากมาตั้งเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามรั้วรอบวัด จะมีการนำเอาศาลพระภูมิไปตั้งเป็นแถวเรียงรอบรั้ววัด ซึ่งนับว่าเป็นความแปลกใหม่และแฝงด้วยความฉงนสนเท่ของประชาชนที่เข้ามาในวัดแห่งนี้รวมทั้งประชาชนทุกคนที่สัญจรผ่านไปมาที่วัดแห่งนี้ เนื่องจากว่าไม่มีวัดใดในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงที่ทำแบบนี้มาก่อนนั่นเอง
หลวงพ่อทองหลาง อภินันโธ เจ้าอาวาสวัดป่าดงมี่ กล่าวว่า อาตมาภาพรับกิจนิมนต์เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วพบเห็นว่า มีการนำเอาศาลพระพรหมและศาลพระภูมิ ซึ่งเป็นศาลพระภูมิเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ไปทิ้งตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งตามต้นโพธิ์ใหญ่ โคนต้นไม้ใหญ่ และตามข้างถนน บางครั้งอาตมาภาพรับกิจนิมนต์ไปเทศน์ที่ จ.กาฬสินธุ์ ไปพบเห็น จึงได้นำเอาศาลพระพรหมและศาลพระภูมิขึ้นบนรถนำมาไว้ที่วัด จากนั้น ได้นำเอาศาลพระพรหมและศาลพระภูมิมาเรียงไว้เป็นกำแพงรอบวัดยาวไปไกลหลายร้อยเมตรรอบพื้นที่ของวัดซึ่งเป็นป่าชุมชนที่มีจำนวนประมาณ 350 ไร่ ชาวบ้านในเขต ต.ทุ่งสว่าง ได้ช่วยกันดูแลรักษาป่าแห่งนี้ ตนได้ร่วมกับชาวบ้านปลูกต้นไม้ เช่นไม้พะยูง ไม้ประดู่ ไม้ยางนา เสริมขึ้นในป่าเพื่อให้เกิดความร่มรื่น โดยศาลพระพรหมมีขนาดใหญ่ มีประมาณ 5 อัน ส่วนศาลพระภูมิมีเยอะมากจำนวนประมาณ 600 อัน การที่อาตมาภาพทำแบบนี้แล้วมีผู้มาพบเห็น ขอบอกเลยว่าไม่ได้เลี้ยงอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับไสยาศาสตร์แต่อย่างใดทั้งสิ้น การที่อาตมาภาพเก็บศาลพระพรหมและศาลพระภูมิเก่าที่มีผู้นำเอามาทิ้งมาตั้งเรียงรายทำเป็นกำแพงรอบวัดนั้น เนื่องจากว่า ต้องการให้บ้านเมืองสะอาด ไม่ต้องรกรุงรังเพราะศาลพระภูมิเก่าเหล่านั้น ส่วนรากต้นไม้ที่นำเอามาประดับในวัดนั้น เนื่องจากว่า รากต้นไม้จะคดเคี้ยวไปมา เปรียบเสมือนจิตใจของคนเราที่ยากจะหยั่งถึง เป็นปริศนาธรรมให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปที่เข้ามาในวัดได้รับรู้ธรรมะต่าง ๆ ในวัดแห่งนี้
ทางด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งที่เราสามารถได้เรียนรู้จากปริศนาธรรมต่าง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในวัดแห่งนี้ จะมีความร่มรื่นมาก ไม่ต้องมีสิ่งปรุงแต่งอะไร นับว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดแห่งเดียวของไทยที่มีศาลพระภูมิมากที่สุดในโลก อยากเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวชมและกราบไหว้พระที่วัดนี้ จะทำให้เรารู้สึกสบายใจมาก เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้มพอแล้ว