นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในเขตกรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกฯ ทำให้เกิดการลดรายจ่าย เสริมสร้างรายได้ ให้กับพี่น้องสมาชิกกองทุน จากการซื้อขายสินค้าระหว่างกองทุนหมู่บ้านฯ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาทำให้มีรายได้เข้าสู่ชุมชนในหลายจังหวัดดังกล่าว  

ในวันนี้ ( 5 มิ.ย.2563) ได้เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านขยายผลไปในระดับภูมิภาค โดยได้เชื่อมโยงจังหวัดในภาคเหนือ คือ กำแพงเพชร ตาก น่าน แพร่ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ให้ตกลงซื้อขายสินค้ากับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ อุดรธานี สกลนคร เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ  สมาชิกกองทุนฯนำสินค้าที่เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชน คัดสรรมาเพื่อพี่น้องกองทุนหมู่บ้านด้วยกัน ทำให้สร้างรายได้และเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า ตัดตอนความล่าช้าของการซื้อขาย และการเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง  ซึ่งสินค้าจากชุมชนของทั้ง2 ภาคเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่แล้ว และหลังจากนี้ ก็เปิดพื้นที่ให้สมาชิกนำสินค้ามาซื้อขายกันอย่างต่อเนื่องเป็นการเพิ่มรายได้เข้าสู่ชุมชนในระยะยาว 

นายรักษ์พงษ์ กล่าวว่า  วิธีการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากซึ่งการส่งออกชะลอตัว การท่องเที่ยวซบเซา จากปัญหาเศรษฐกิจและผลกระทบโควิด-19  ขณะนี้นั้นหากสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศร่วมเป็นหัวหอกสำคัญ โดยซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างสมาชิก 79,000 แห่ง 12.9 ล้านครัวเรือน จะช่วยให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนทั่วประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้อีกทางหนึ่งอย่างแน่นอน