นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติเหตุขัดข้องในระบบรถไฟฟ้า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.63 พบว่า เกิดเหตุขัดข้องรวม 63 ครั้ง แบ่งเป็น เดือน ม.ค.63 เกิดเหตุขัดข้องรวม 12 ครั้ง แบ่งเป็น รถไฟฟ้า BTS 5 ครั้ง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 5 ครั้ง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 2 ครั้ง,เดือน ก.พ.63 เกิดเหตุขัดข้องรวม 23 ครั้ง แบ่งเป็น รถไฟฟ้า BTS 6 ครั้ง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 13 ครั้ง, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 3 ครั้ง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง 1 ครั้ง, เดือน มี.ค.63 เกิดเหตุขัดข้องรวม 16 ครั้ง แบ่งเป็น รถไฟฟ้า BTS 2 ครั้ง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 11 ครั้ง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 3 ครั้ง และเดือน เม.ย.63 เกิดเหตุขัดข้องรวม 12 ครั้ง แบ่งเป็น รถไฟฟ้า BTS 4 ครั้ง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน 5 ครั้ง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 3 ครั้ง

นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการเกิดเหตุขัดข้องนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาเล็กๆ น้อย ระบบอาณัติสัญญาณขัดข้องไม่สามารถเดินรถไฟฟ้าได้ เพราะมีอุปสรรคในการเดินรถ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยใช้เวลา 5-10 นาที ส่วนที่เกิดเหตุขัดข้องใหญ่นานๆ ครั้งจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากประแจสับรางขัดข้อง เช่น เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์บริเวณสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีสยาม ของรถไฟฟ้า BTS ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

สำหรับในส่วนของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่จะพบว่าเกิดเหตุขัดข้องค่อนข้างบ่อยครั้งในช่วงเดือน ก.พ. และมี.ค.นั้น เนื่องจากมีการนำรถขบวนใหม่มาวิ่งให้บริการ จึงทำให้ระบบภายในรถไฟฟ้าขบวนใหม่ที่นำมาวิ่งให้บริการทั้งในเส้นทางหลัก และส่วนต่อขยายยังไม่คงที่ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ไม่เกิน 5-10 นาที

นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประแจสับรางขัดข้อง เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สถานีเกิดความแออัด และผู้โดยสารได้รับความเดือดร้อน ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กระทรวงคมนาคมติดตามดูแล และประเมินสถานการณ์เรื่องนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงเก็บข้อมูลสถิติ

สาเหตุของการเกิดเหตุขัดข้องอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาในการเดินรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขึ้น เพื่อดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีแล้ว และประสานกับผู้ให้บริการอยู่ตลอด โดยมีนายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน

นายสรพงศ์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้กำชับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทุกระบบ ให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาสภาพรถ สภาพทาง และอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดขัดข้องในการให้บริการ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ยังคงต้องดำเนินการตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะหากเกิดปัญหา จะส่งผลกระทบให้ผู้โดยสารแออัดอยู่บนสถานีได้ นอกจากนี้ควรมีแผนรองรับกรณีฉุกเฉินด้วย.