จากกรณีข่าวสะเทือนใจสังคม น.ส.มะลิ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาวเมืองลำพูน ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูด ถูกพ่อแท้ๆ อายุ 38 ปีข่มขืนตั้งแต่ ป.4 อายุ 11 ปีหลายครั้ง รวม 8 ปี จนตั้งท้องได้ 6 เดือน แต่ทางพ่อบังคับให้ทำแท้งด้วยการกินยาขับ-ยาเหน็บ แต่ลูกไม่ยอมออก สุดท้ายพ่อใช้เข็มใส่แอลกอฮอล์ฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศถึง 6 ครั้งจนแท้ง เธอทนไม่ไหวจึงเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิสายเด็กซิ่ง และได้ประสานตำรวจภาค 5 เข้าแจ้งความผู้เป็นพ่อมาดำเนินคดี และทางตำรวจท้องที่ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดลำพูน เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ต่อมา นายอภิชาติ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามหมายจับ และอ้างว่าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง 

 

ล่าสุด (22 พ.ค.63) มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายอภิชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับ อมรินทร์ ทีวี ยอมรับว่าเคยช่วยลูกทำแท้งครั้งเดียว แต่ตนไม่ได้ข่มขืนลูกสาว และที่ลูกตั้งท้องไม่เกี่ยวกับตน ลูกของตนชอบออกไปเที่ยวกับแฟน และเพื่อนลูกเคยบอกว่าลูกเคยคุยกับเพื่อนจะหาเรื่องแจ้งจับพ่อ เพราะไม่พ่อไม่อยากให้ลูกมีแฟน ส่วนเรื่องทำแท้ง สาเหตุที่ทำเพราะอยากให้ลูกสายใจ เลยนำร่างเด็กไปทำพิธี โดยการเผาซากทารก เอาสายสิญจ์พันตัวเด็ก เพื่อลูกจะได้ไม่มีปมคาใจว่าเป็นคนทำ แต่พ่อทำเอง และถ้าหากมีการตรวจร่างกายลูกแล้วพบร่องรอยอสุจิในตัว ตนมองว่าตนเคยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะมีน้ำอสุจิเปื้อนตามกางเกง ลูกสาวอาจจะนำเสื้อผ้าเหล่านั้นไปสัมผัสกับร่างกายเพื่อจะแจ้งจับตน 

อย่างไรก็ตาม นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ได้ชี้แจงว่าในกรณีนี้ที่บอกว่า ลูกสาวนำอสุจิพ่อไปใช้เพื่อแจ้งจับพ่อข่มขืน ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอสุจิอยู่นอกร่างกายได้ไม่เกิน 20 นาที ถ้าอยู่บนเสื้อผ้าที่แข็งแรงก็ยิ่งน้อยลง และเป็นไปไม่ได้ที่อสุจิเปื้อนกางเกงพ่อเมื่อเอาไปถูกช่องคลอดจนตั้งครรภ์ ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน