จากกรณี มีกรณีผู้โดยสารเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เพื่อมาต่อรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต เพื่อกลับบ้านที่จังหวัดเลย แต่พนักงานขายตั๋วแจ้งว่า รถกรุงเทพฯ-เมืองเลย หมดแล้ว ดังนั้นต้องนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปต่อรถที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ในราคา 800 บาท ซึ่งผู้โดยสารหญิงและแฟนก็ได้ยอมจ่ายเป็นเงิน 1,600 บาท เพื่อให้ขึ้นรถกลับบ้าน

แต่แทนที่จะได้นั่งรถทัวร์ กลับกลายเป็นต้องนั่งรถกระบะ 4 ประตู ต่อหลังคาแครี่บอย และในระหว่างที่นั่งรถไปนั้นเธอก็ได้ถามคนขับถึงเรื่องราคาโดยสารว่าทำไมถึงแพงกว่าปกติ แต่คนขับกลับไม่มีคำตอบให้ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้โดยสารคนอื่นที่ร่วมเดินทางไปก็ไม่มีใครรู้คำตอบถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

 

สำหรับค่าโดยสารที่พนักงานได้ขายให้ในเที่ยววิ่งนี้มีราคาตั้งแต่ 600-800 บาท ซึ่งผู้โดยสารบางคนก็ลงที่ปลายทางโคราช, ชัยภูมิ และชุมแพ

 

 

ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ได้ส่งผู้ตรวจการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) โดยมีนางวีรวรรณ คำสอนทา ผู้แทนผู้ประกอบการขนส่งเส้นทางดังกล่าว มาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยได้ให้การยอมรับผิดตามที่ร้องเรียน

 

ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตาม พรบ.ขนส่งฯ มาตรา 31(10) ฐานไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานบริการในการประกอบการขนส่ง ลงโทษเปรียบเทียบปรับตามมาตรา 131 เป็นเงิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) พร้อมทั้งได้กำชับมิให้กระทำการฝ่าฝืนอีก หากตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนจะพิจารณาลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้พิจารณาลงโทษผู้ประกอบการร่วมบริการโดยการสั่งปิดช่องจำหน่ายตั๋วที่ก่อเหตุไว้เป็นการชั่วคราวตามระเบียบด้วยแล้ว