หมอมนูญ เตือนพฤติกรรม "จาม" อันตราย ใช้มือปิดปาก-ปิดจมูกพร้อมกัน ส่งผลเสียร้ายแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตก
21 พ.ค. 2563, 12:23
นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เตือนเรื่องพฤติกรรมการจาม ด้วยวิธีการปิดปาก ปิดจมูก พร้อมกัน โดยที่ไม่มีลมออกมาภายนอกนั้น จะส่งผลให้ลมดันขึ้นไปยังโพรงสมอง ร้ายแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตกได้
โดยอาการลมเข้าสมองจากการเอามือปิดจมูกปิดปากขณะจาม รายแรกของโลกเกิดขึ้น 2 ครั้ง ในเวลาห่างกัน 3 ปีกว่า ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 85 ปี เป็นโรคเบาหวาน และไขมันสูง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 มาโรงพยาบาลด้วยอาการพูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก หูข้างซ้ายอื้อ มีเสียงดัง หลังจากจามแล้วเอามือปิดจมูกปิดปากพร้อม ๆ กัน ได้ทำ MRI คลื่นแม่เหล็กสมอง พบมีลม (air pocket) ในเนื้อสมองข้างซ้ายขนาด 7 × 4 × 3.2 เซนติเมตร ให้การรักษาตามอาการ ผู้ป่วยดีขึ้นช้า ๆ และกลับมาเป็นปกติ ทำคอมพิวเตอร์สมองซ้ำ ลมคงค่อย ๆดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด หายไปเองภายใน 50 วัน ได้เตือนผู้ป่วยเวลาจามห้ามเอามือมาปิดจมูก และเม้มปากอีกเด็ดขาด
วันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ผู้ป่วยกลับมารพ.อีกครั้ง หลังจากจามแล้วเอามือปิดปากปิดจมูกเพราะไม่อยากให้มีเสียงดัง หลังทำมีอาการพูดไม่ชัด หน้าข้างขวาเบี้ยว หูข้างซ้ายอื้อ มีเสียงดัง ทำคอมพิวเตอร์สมองพบลม (air pocket) ในเนื้อสมองข้างซ้ายขนาด 5.1 × 4.1 × 2.8 เซนติเมตร (ดูรูป)
ตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อ 3 ปี 5 เดือนก่อน แต่ปริมาตรของลมในเนื้อสมองครั้งนี้น้อยกว่า ผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล 4 วัน อาการดีขึ้นช้า ๆ กลับบ้านได้
สาเหตุของลมเข้าสมองทั้ง 2 ครั้ง ของผู้ป่วยรายนี้ คือจามแล้วเอามือปิดจมูกปิดปากพร้อม ๆ กัน ปกติความแรงของการจามทำให้ลมพุ่งออกจากจมูก และปากด้วยความเร็วสูงถึง 110 กม./ชม. เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ปิดจมูกปิดปากขณะจาม แรงดันในช่องปากคงสูงมาก ลมผ่านจากท่อในปากเข้าหูชั้นกลางด้านซ้าย แล้วดันทะลุผ่านกระโหลกใต้สมองเข้าเนื้อสมองด้านซ้าย
นอกจากลมจะรั่วเข้าสมองจากการบังคับไม่ให้จามออกทางปาก และจมูกแล้ว ยังมีรายงานแรงดันสูงทำให้ปอดรั่ว แก้วหูทะลุ ผนังช่องคอทะลุ เส้นเลือดในสมองแตกได้อีกด้วย
เพราะฉะนั้นอย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเอามือมาปิดจมูก และปากขณะจามเด็ดขาด จามขณะใส่หน้ากากอนามัยไม่เป็นอันตราย เพราะลมสามารถผ่านหน้ากากได้