วันนี้ ( 4​ พ.ค.63 ) ที่ปางช้างแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา ได้ต้อนรับนางแสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของศูนย์บริบาลช้าง และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่เดินทางมาเพื่อมอบเงินบริจาคจำนวน 390,000 บาท และอาหารเม็ดสำหรับช้างอีกกว่า 10 กระสอบ เพื่อให้ทางปางช้างนำไปดูแลช้างทั้ง 78 เชือก หลังทางปางช้างประสบปัญหาขาดรายได้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้ปางช้างแม่สาต้องปิดรับนักท่องเที่ยวทุกกรณีทำให้รายได้เป็นศูนย์ จนเป็นที่มาของการขาดสภาพคล่องในเรื่องการดูแลบุคลากร และช้าง

นางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เงินบริจาคตามโครงการ "ส่งน้ำใจช่วยเหลือช้าง" ที่ประสบปัญหาจากโควิด-19 ซึ่งมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาผู้รักช้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมูลนิธิฯได้เริ่มนำเงินบริจาคไปช่วยเหลือช้างทั่วประเทศมาแล้วกว่า 2  เดือน โดยหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ มูลนิธิจะตรวจสอบเอกสารเจ้าของช้าง  เอกสารไมโครชิฟ และตั๋วรูปพรรณช้าง ว่าตรงกันหรือไม่ หากถูกต้องก็จะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ทันทีตัวละ 5 พันบาท ซึ่งขณะนี้มีช้างอีกประมาณ 100 เชือก ที่ยังติดขัดปัญหาเอกสารไม่ถูกต้อง บางรายเอกสารยังติดอยู่ที่สถาบันการเงิน  ทางมูลนิธิฯได้แจ้งไปว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารตัวจริง สามารถส่งสำเนามาให้ตรวจสอบได้ ซึ่งทางนิธิฯจะเดินหน้าให้ความช่วยเหลือจ่ายเงินเยียวยาให้กับเจ้าของและปางช้าง  เพื่อนำไปจัดซื้ออาหารให้ช้างที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งในประเทศไทยมีช้างทั้งหมดประมาณ 3 พันเชือก

ด้านนางอัญชลี กล่าวว่า "ทางปางช้างแม่สา ขอขอบคุณมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม พอเราประสบปัญหาเรื่องโควิด-19 ทางมูลนิธิก็ได้มอบเงินในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 1 แสนบาทให้เราไปจัดการเรื่องอาหารช้าง ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ที่มูลนิธิมีโครงการที่จะมอบให้กับช้างทั่วประเทศเชือกละ 5 พันบาท โดยที่ปางช้างแม่สามีช้างทั้งหมด 78 เชือกที่ดูแล เงินที่เราได้รับมาวันนี้ก็คือ 390,000 บาท สำหรับนำไปใช้เป็นค่าอาหารช้าง และทางมูลนิธิยังได้นำอาหารเม็ดมามอบให้อีกจำนวนหลายสิบกระสอบ ทางปางช้างแม่สาขอขอบคุณน้ำใจจากทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ที่หลั่งไหลมาช่วยกันในครั้งนี้ ในแต่ละวันยังมีคนไทยที่มีจิตเมตตาได้นำอาหารมามอบให้ช้าง มอบให้ควาญ-พนักงาน เพื่อให้เราฝ่าฟันอยู่รอดในวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เนื่องจากมันเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานและยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะนานเพียงใด โดยในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เราติดลบไปแล้ว 10 ล้านบาท และยังมีแนวโน้วติดลบต่อไปเรื่อยๆเนื่องจากยังไม่มีรายได้"