"กรมควบคุมโรค"ใช้พื้นที่อยุธยา รณรงค์เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี ในประชาชน 7 กลุ่มเสียง
2 พ.ค. 2563, 08:54
วันนี้ 1 พฤษภาคม 2563 ที่ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมเปิดกิจกรรมโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำหรับประชาชนกลุ่มเสียง ปี 2563 เพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและลดการเสียชีวิตได้ พร้อมมอบวัสดุทางการแพทย์ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพื่อสนับสนุนและป้องกันโรคโควิด-19
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีการรณรงค์เร่งให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น ( จากเดือนมิถุนายน เป็นเดือนพฤษภาคม ) เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทันต่อสถานการณ์ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับในช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจเช่นกัน มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดความสับสนในการวินิจฉัยและการดูแลรักษาได้ จึงเป็นการช่วยลดภาระในการตรวจคัดกรองภาวะติดเชื้อร่วมระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่กับโรคโควิด-19 อีกทั้งช่วยลดจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่จะเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล และเป็นการสงวนทรัพยากรทางการแพทย์เพื่อเตรียมการรองรับการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
สำหรับการณรงค์ครั้งนี้เร่งให้วัคซีนในประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4.บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) และ 7.โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้สำรวจกลุ่มเป้าหมายและวางแผนการให้วัคซีน โดยมีการให้บริการเชิงรุก หรือกระจายการให้บริการในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดการรวมตัวและความแออัดในการให้บริการ โดยจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้บริการแก่ประชากรกลุ่มเสียงในบางกลุ่ม หรือบางกรณี เช่น ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้สูงอายุ เป็นต้น หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422