กมธ.สังคมฯ ถกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาแนวทางดูแลคนไร้ที่พึ่ง-ด้อยโอกาส ช่วงโควิด-19
22 เม.ย. 2563, 16:47
คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา นำโดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ประชุมติดตามแนวทางการดูแลคนไร้ที่พึ่งและผู้ด้อยโอกาสในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และองค์กรพัฒนาเอกชน พร้อมด้วยครูเร่ร่อน เข้าร่วมประชุม
ขณะที่ นายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการ ได้กล่าวแสดงความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ว่า ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนภาคประชาชนให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้นอย่างเสมอภาค เช่น ให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือของทางภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงมากที่สุด โดยไม่คัดใครออกจากระบบ การลดหรือผ่อนปรนกฎระเบียบของทางราชการเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินงานช่วยเหลือประชาชน และเสนอให้รัฐบาลปล่อยเงินกู้ โดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือการอัดฉีดเงินเข้ากองทุนต่าง ๆ ของชุมชน
ในส่วนนายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ชี้แจงว่า สวัสดิการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการจัดเตรียมแผนเรื่องการรองรับสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการเข้าไปดำเนินการกับคนไร้บ้าน และคนไร้ที่พึ่งในเขตกรุงเทพฯ เพื่อให้มาอยู่ในพื้นที่ที่จัดให้ และยังสามารถจะออกไปทำงานได้ พอมีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ก็ได้มีการปรับแผนอีกครั้ง เพื่อจัดเตรียมรองรับสถานที่ให้คนไร้บ้านตามโซนต่าง ๆ และมีการรองรับคนได้มากพอสมควร ระยะต่อมาก็เป็นเรื่องของการให้บริการและคัดกรองที่ต่าง ๆ รองรับคนไร้บ้าน พร้อมลงประวัติเพื่อนำไปสู่การให้การช่วยเหลือพัฒนาศักยภาพ ก่อนเข้าระยะต่อไป คือ การเยียวยาและฟื้นฟู
โดย ผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร ระบุว่า จากสถานการณ์ขณะนี้ กรุงเทพฯ ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ของค่ายลูกเสือไว้รองรับคนไร้บ้านแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอต่อทุกคน โอกาสนี้ นายวัลลภ ได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า เมื่อมีสถานที่มากพอในการรองรับแล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาที่ทางกรุงเทพฯ ต้องระวังและต้องแก้ไข คือ การไม่มีบุคลากรมาช่วยในการดูแล เพราะมีสถานที่แต่ไม่มีบุคลากรดูแล จะเป็นปัญหาอีก จึงอยากให้ทางกรุงเทพฯ ระวังในแนวทางปฏิบัติส่วนนี้ด้วย
ที่มา : สำนักข่าวไทย