"นักข่าวเมืองกาญจน์" ขับรถกลับบ้านหลังเลิกงาน จู่ๆ เห็น "ตัวนิ่ม" กำลังเดินข้ามถนน ตัดสินใจจอดรถไล่ต้อนขึ้นเขา
15 เม.ย. 2563, 10:36
วันนี้ 15 เม.ย. 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ตัวนิ่มซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่นับวันหายากขึ้นทุกวันในธรรมชาติ เดินต้วมเตี้ยมขณะออกมาจากป่าเพื่อข้ามถนนไปยังอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพที่ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาญจนบุรี บันทึกได้ขณะเดินทางกลับจากการทำข่าวอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบริเวณโค้ง ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ผู้สื่อข่าวที่บันมึกภาพได้เปิดเผยเหตุการณ์อันประทับใจว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองพร้อมลูกชายเดินทางกลับมาจากการทำข่าวอุบัติรถยนต์พลิกคว่ำบริเวณบ้านโค้งโรงหวาย เมื่อเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ เพื่อกลับบ้านในตัวอำเภอสังขละบุรี พอมาถึงบริเวณโค้งหอมหมื่นลี้ รีสอร์ท ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่เขตเทศบาลตำบลวังกะ ได้สังเกตเห็นว่ามีตัวอะไรสักอย่างอยู่กลางถนน
จึงให้ได้ขับรถไปใกล้ๆ ก่อนจะพบว่าเป็นตัวนิ่ม ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่เริ่มหายาก และมีมูลค่า เนื่องจากมีการจับตัวนิ่มส่งขายพ่อค้าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งขณะที่พบตัวนิ่มพยายามจะเดินข้ามถนน ตนเองจึงลงจากรถ วิ่งไปดักหน้าเจ้าตัวนิ่ม ก่อนจะทำการต้อนให้กลับขึ้นเนินเขา ตนกับลูกชายช่วยกันรถที่ผ่านไปมาเพื่อเป็นการป้องกันรถยนต์ที่สัญจรไปมา ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยใช้เวลานานกว่า 10 นาที จึงสามารถพาเจ้านิ่มเดินข้ามกลับขึ้นเขาไป ท่ามกลางความดีใจของตนเองกับลูกชาย
ส่วนสาเหตุที่นิ่มออกจากป่าเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฝั่งหนึ่งนั้นสันนิฐานว่าอาจมาจากการหนีไฟป่า ซึ่งในช่วงนี้ในพื้นที่ อ.สังขละบุรีเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ ตนเองจึงอยากวิงวอนพี่น้อง ประชาชน งดจุดไฟซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า พร้อมเรียกร้องให้ช่วยกันปกป้องสัตว์ป่า ถ้าหากพบเห็นหากช่วยเหลือได้ก็อยากให้ทุกคนช่วย แต่หากช่วยไม่ได้ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากสัตว์ป่าในธรรมชาติน้อยลงทุกวัน
นิ่ม หรือที่นิยมเรียกกันว่า ตัวลิ่น หรือ ตัวนิ่ม จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อยู่ในอันดับ Pholidota จัดเป็นสัตว์ที่มีเพียงวงศ์เดียว คือ Manida และสกุลเดียว คือ Manis
ตัวลิ่นเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาร์มาดิลโล หรือ สัตว์ที่อยู่ในอันดับ Cingulata ที่พบได้ในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ขณะที่ลิ่นจะพบได้ที่ทวีปเอเชียและแอฟริกา ลิ่นทุกชนิดจะมีส่วนหน้าที่ยาว มีปากขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ ไม่มีฟัน กินอาหารโดยการใช้ลิ้นที่ยื่นยาวและน้ำลายที่เหนียวตวัดกินแมลงตามพื้นดิน จำพวก มดและปลวกหรือหนอนขนาดเล็ก และมีลำตัวที่ปกคลุมด้วยเกล็ดเป็นชิ้น ๆ เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลาน ทำหน้าที่เหมือนชุดเกราะเพื่อใช้ในการป้องกันตัว เมื่อถูกรุกรานลิ่นจะลดลำตัวเป็นวงกลม ขณะที่ส่วนท้องจะไม่มีเกล็ด ซึ่งจะถูกโจมตีได้ง่าย
ลิ่นมีเล็บที่แหลมคมและยื่นยาว ใช้สำหรับขุดพื้นดินหาอาหารและขุดโพรงเป็นที่อยู่อาศัยและพักผ่อน และปีนต้นไม้ เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน
ลิ่นออกลูกเป็นตัว ครั้งละ 1-2 ตัว ตั้งท้องนานราว 130 วัน เมื่อแรกเกิด ลูกลิ่นจะมีเกล็ดติดตัวมาตั้งแต่เกิด และจะเกาะกับแม่ตรงบริเวณโคนหาง ซึ่งลูกลิ่นวัยอ่อนจะยังไม่มีเกล็ดแข็งเหมือนกับลิ่นวัยโต แต่จะค่อย ๆ แข็งขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเจริญเติบโต ลิ่นมีทั้งหมด 8 ชนิด (ดูในตาราง) กระจายพันธุ์ไปในทวีปแอฟริกาและเอเชีย สำหรับในประเทศไทยพบ 2 ชนิด คือ ลิ่นซุนดา หรือ ลิ่นชวา (M. javanica) ที่พบได้ทั่วไปทุกภาค กับลิ่นจีน (M. pentadactyla) ที่มีรายงานการพบเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2483 ซึ่งมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่า หางสั้นกว่า และมีสีที่คล้ำกว่า
ลิ่นซุนดา ในปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าที่นิยมอย่างมากในการรับประทานในหมู่ของผู้ที่นิยมรับประทานสัตว์ป่าหรือของแปลก ๆ โดยมีราคาขายสูงถึงกิโลกรัมละ 2,000-3,000 บาท หากตัวไหนที่มีน้ำหนักมากอาจมีราคาสูงถึง 3,500 บาท ทำให้มีการลักลอบค้าตัวลิ่นอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เป็นต้น และในความเชื่อของชาวจีน เชื่อว่า เกล็ดของลิ่นช่วยในการรักษาโรคกระเพาะ
โดยผู้ที่เข้าป่าหาตัวลิ่นจะใช้สุนัขดมกลิ่นตามล่า หากลิ่นปีนขึ้นต้นไม้ ก็จะใช้การตัดต้นไม้ต้นนั้นทิ้งเสีย โดยการค้าตัวลิ่นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะลิ่นไม่ว่าชนิดไหน ในประเทศไทย ถือว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 และมีกฎหมายคุ้มครองระหว่างประเทศอีกด้วย ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท จำคุก 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ