เมื่อเวลา  20.00 น. วันที่ 13 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สันติ   เหล่าประทาย ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ   เปิดเผยว่า  ตามที่นายวัฒนา   พุฒิชาติ  ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ ที่ 1486/2563 ลงวันที่ 10 เม.ย. 63 เรื่อง การปิดสถานที่ และมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่ออันตราย ได้แก่ร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ประเภท 1 และประเภท 2 ที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 โดยสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นได้ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับดังกล่าวนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11-30 เม.ย.63  รวมทั้งได้มีการออกประกาศคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ ที่ 1485/2563 ลงวันที่ 10 เม.ย. 63 ให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากเคหสถาน หรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด ๆ ทั้งนี้สำหรับบุคคลซึ่งอยู่ในเคหสถาน ร้านค้า หรือในสถานที่ใด ๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับดังกล่าวนี้ ต้องระวางโทษตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 12-30 เม.ย.63 นั้น

พล.ต.ต.สันติ   เหล่าประทาย เปิดเผยต่อไปว่า ตนได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจทุกแห่งในสังกัดให้ถือปฏิบัติคำสั่งประกาศดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ เป็นวันสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่ไทย  ตนจึงได้ออกตระเวนตรวจพื้นที่ทุกอำเภอของ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งปรากฏว่า ประชาชนชาวศรีสะเกษได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศของ จ.ศรีสะเกษ เป็นอย่างดี ไม่พบว่ามีการแอบลักลอบจำหน่ายสุราแต่อย่างใด  ซึ่งตนพบว่า ตามเขตหมู่บ้าน ตำบล อำเภอรอบนอก  ประชาชนไม่ค่อยสวมใส่หน้ากากอนามัย  ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร.ประจำพื้นที่ได้เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน  และตนได้นำเอาหน้ากากอนามัยที่ได้รับมอบมาจาก ผวจ.ศรีสะเกษ  ที่จัดทำโดยเหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ นำเอาไปมอบให้กับประชาชนได้สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้านด้วย  ซึ่งในเขต อ.เมืองศรีสะเกษพบว่า มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม   ส่วนเรื่องเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถานในห้วงเวลา  22.00 – 04.00 น. นั้น  ขณะนี้ ไม่มีผลการจับกุมเพิ่มเติมขึ้นมาอีก  เนื่องจากว่า ประชาชนชาวศรีสะเกษ เริ่มที่จะรับทราบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว