ตำรวจ-ป.ป.ส.แถลงจับหม่องค้ายาเสพติด ยึดยาไอซ์ 2 กก.
2 ก.ค. 2562, 16:04
วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวONB newsรายงานที่กองบังคับการตำรวจภูธรระนอง อ.เมือง จ.ระนอง นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ ผบก.ภ.จว.ระนอง ,ทหาร ฉก.ร.25 กองกำลังเทพสตรี ,ตำรวจ ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จำนวน 1 ราย คือ นาย ชิทโกอู้ อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ น้ำหนัก 2,447 กรัม โทรศัพท์มือถือที่ใช้เครือข่ายประเทศเมียนมา จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์ที่ใช้เครือข่ายในประเทศไทย จำนวน 1 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม
สืบเนื่องจากชุดตำรวจ ปปส.ภูธรจังหวัดระนอง ได้ประสานงานด้านการข่าวกับหน่วยงานทั้งฝ่ายทหาร ปกครองและสำนักงาน ปปส.ภาค 8 จากกรณีมีข่าวการจับกุมยาไอซ์กลางทะเลในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมากที่ผ่านมา
จึงทำให้มีการเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายยาเสพติดตามแนวชายแดนตลอดจนการลักลอบนำเข้ามาในพื้นที่จังหวัดระนอง จนเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 62 เวลา 13.30 น.เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามจับกุม นายอนุสรณ์ วงศ์ฉิม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 300/44 ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 91.4 กรัม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลจนได้รับทราบข้อมูลจากนายอนุสรณ์ว่ามีชาวเมียนมา ชื่อนายหนุ่ย มาเปิดโรงอวนและมีเรืออยู่หลายลำในพื้นที่จังหวัดระนอง และได้นำยาไอซ์มาจากประเทศเพื่อนบ้านมาส่งให้จำหน่าย จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจนสามารถจับกุมตัวนายชิทโกอู้ พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 2,477 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
ในเบื้องต้น นาย ชิทโกอู้ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาชาวเมียนมา ได้ให้การรับสารภาพว่าได้มีการติดต่อกับนายเล็ก(ซึ่งเป็นชาวเมียนมา) เป็นผู้นำยาไอซ์มาส่งให้ตนจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 300,000 บาท โดยส่งมาให้ที่โรงอวน ตั้งอยู่เลขที่ 205/1 5 ซอยสามัคคีหมู่ 5 ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง จำนวน 3-4 ครั้งแล้ว ซึ่งปริมาณของยาไอซ์ในแต่ละครั้งที่นำมาส่ง ประมาณ 3 กิโลกรัม และถ้ามีการเงินโอนให้ก่อนก็จะทยอยส่งมาให้เป็นระยะ
โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และจะได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสืบสวนสอบสวน สภ. เมืองระนอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป