"นทท.สาวชาวจีน" สุดเซ็งเดินช้อปปิ้งบนเกาะสมุย ถูกหนุ่มซิ่งจยย.ชิงทรัพย์
30 มิ.ย. 2562, 16:53
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ศูนย์วิทยุ 191 สภ.บ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งมีเหตุนักท่องเที่ยว ถูกชิงทรัพย์ คนร้ายได้ทรัพย์สินมีค่าไปหลยรายการ เหตุเกิดภายในย่านช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ถนนฟิชเชอร์แมนวิลเลจ บริเวณชายทะเลบ้านบ่อผุด จึงได้แจ้งให้ พ.ต.ท.เอกชัย สอนขำ สาวัตรเวร สภ.บ่อผุด เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธวัชชัย เทพหนู รองสารวัตรสืบสวน พร้อมกำลังตำรวจสืบสวน และ ร.ต.อ.ไตรรงค์ เมืองนิล รองสารวัตรตำรวจท่องเที่ยวสมุย พร้อมกำลังตำรวจสืบสวนท่องเที่ยว เดินทางไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งตรงข้ามโรงแรมสมายเฮ้าส์ ถนนเลียยชายหาดบ่อผุด หรือถนนฟิชเชอร์เเมนวิลเลจ หมู่ 1 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย พบนักท่องเที่ยว ทราบชื่อ น.ส.ลี ลิน วิน อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ผู้เสียหาย ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยท่าทางตื่นกระหนก พร้อมเปิดเผยว่า ขณะเดินออกมาจากโรงแรม อนันตรา บีชรีสอร์ท ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เพื่อออกมาเดินช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึก เพื่อนำกลับไปฝากญาติ เนื่องจากเดินทางกลับประเทศจีน ในวัน ที่ 1 กรกฎาคม ในวันพรุ่งนี้
ระหว่างที่เดินช็อปปิ้ง โดยถือกระเป๋าสะพายสีดำยี่ห้อ Calvin Klein ภายในมีเงินสดไทย 20,000 บาท และเงินสกุลหยวน กว่า 5,000 หยวน และโทรศัพท์ มือถือรุ่นไอโฟน X รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ได้มีคนร้ายเป็นชายไทย คนเดียวขับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าสกู๊ปปี้ สีฟ้าขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ สวมเสื้อผ้าเสื้อยืดแขนยาวสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์ และมีหมวกผ้า และมีผ้าปิดปาก และจมูก ได้ขับมาทางด้านหลัง และกระชากกระเป๋า หลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์หายไปทางถถนนหน้าโรงเรียนบ้านบ่อผุด ผู้เสียหายกล่าว
ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าในที่เกิดเหตุ เป็นย่านการค้า มีกล้องวงจรปิด จำนวนมาก และสามารถบันทึกภาพคนร้ายเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบ พบว่าคนร้ายเป็นชายหนุ่ม อายุประมาณ 20-30 ปี ขับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าสกู๊ปปี้ ทะเบียน 773 ยังไม่แน่ใจว่า นครศรีธรรมราช หรือกรุงเทพมหานคร ที่เบาะหลังมีเหล็กคลายที่วางของ ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะ โดยคนร้ายได้ขับรถเข้ามา ภายหลังเห็นผู้เสียหายยืนอยู่ จึงได้ขับรถเลี้ยวกลับมา แล้วลงมือกระชาก ก่อนหลบหนีออกไปทาง หน้าโรงเรียนบ้านบ่อผุด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เบาะแสของคนร้ายแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับ
ขณะที่ มีพนักงานชาย ของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนกำลังให้บริการลูกค้า เห็นคนร้ายขับรถมา และเลี้ยวกลับหน้าร้านอาหาร จากนั้นคนร้ายได้ขับรถเข้าไปประชิดผู้เสียหาย ที่เดินอยู่ พร้อมกระชากกระเป๋า หลังก่อเหตุ ผู้เสียหาย และเพื่อนๆได้วิ่งไล่ติดตาม แต่ไม่ทัน ซึ่งเหตุการณ์ ในครั้งนี้ ทำให้เสียหายภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก
ด้าน หญิงสาว ผู้ประกอบการท่องเที่ยว รายหนึ่ง เปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุอุกอาจมาก ที่ก่อเหตุกระชากกระเป๋านักท่องเที่ยว ต่อหน้านักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการหลายรายที่เห็นเหตุการณ์ และในพื้นที่มีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก เป็นการซ้ำเติมการท่องเที่ยวให้เสียหายลงไปอีก เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีอยู่แล้ว จึงอยากฝากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ขณะเดียวกันตนเชื่อว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจที่ซบเซา จึงทำให้คนร้ายกล้าลงมือ เพราะที่ผ่านมา ในย่านนี้ ไม่มีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกกระชากกระเป๋า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกล่าว.
เมื่อกลางดึก วันที่ 30 มิ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวฐิติกาญจน์ ไกรนรา อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่4 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ภรรยาของ นายปราโมท สุขอันต์ อาสาสมัคร มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง ทุ่งใหญ่ 15 ได้รับแจ้งมีเหตุคนเป็นลมหมดสติ อาการน่าเป็นห่วง เพราะไม่รู้สึกตัวแล้ว แต่ในขณะนั้นสามีที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ออกไปกรีดยางแล้ว ตนจึงตัดสินใจ ขับรถกระบะกู้ชีพ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน บษ 9734 นครศรีธรรมราช ไปรับผู้ป่วยด้วยตนเอง
คลิป
ที่เกิดเหตุ หมู่ 1 ต.กรุงหยัน พบว่าผู้ป่วยเป็นชาย อายุ 67 ปี กำลังหมดสติ ตัวหนาวสั่น รอการช่วยเหลือ จึงใช้ความรู้ที่สามีเคยสอนให้ นำไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่ง รพ.ทุ่งใหญ่ แพทย์ให้ความช่วยเหลือจนผู้ป่วยปลอดภัย แต่ตนมานึกขึ้นได้อีกทีว่า ได้แต่งตัวให้ดี สวมเสื้อยืด และนุ่งผ้าถุง ขับรถมา 20 กว่า กม.
ต่อมามีคนเข้ามาชื่นชม ที่ รพ. และในโซเชียล เนื่องจากสภาพการแต่งกายของตน ที่รีบขับรถไปช่วยคนในชุดที่นุ่งผ้าโสร่ง (ผ้าถุง) เป็นภาพที่แปลกตาของคนทำงานกู้ภัย และได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนๆ ว่าเป็นคนที่มีน้ำใจ เห็นความสำคัญของชีวิตผู้ป่วยที่รอการช่วยเหลือ รีบมาช่วยจนตัวเองไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนขับรถ ต่อมาภรรยาของอาสากู้ภัยคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ ตนได้รับโทรศัพท์ จากญาติ ว่าให้มาช่วยคนเป็นลมด่วนเลย เพราะอาการหนัก แต่เป็นเวลาที่สามี ที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยตัวจริง ออกไปกรีอย่าง ตนจึงตัดสินในนำรถกู้ภัยขับออกไปช่วยด้วยตนเอง และไม่คิดที่จะแต่งตัวให้สวยงาม เพราะชีวิตคนสำคัญกว่า รอช้าไม่ได้ ทุกนาทีมีค่าสำหรับชีวิตของคนป่วย ต่อมาคอหวยต่างติดต่อขอทราบเลขทะเบียนรถกู้ภัยของตนกันจำนวนมาก ไม่ทราบว่าจะเอาไปแทงหวย หรือไม่ ตนไม่ทราบได้