วันที่ 27 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เจ้าของธุรกิจเต็นท์เช่า โต๊ะ เครื่องครัว และอาหารงานเลี้ยง ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังเจ้าภาพหลายรายในพื้นที่จังหวัดชุมพรยกเลิกงานประเพณีโดยเฉพาะงานบวช-งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่และงานเลี้ยงฉลองต่างๆ เพื่อเป็นการสนองตามคำสั่งจากรัฐบาลในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา

 

 

นางวันดี แซ่ตั้ง เจ้าของธุรกิจเต็นท์เช่า เครื่องครัว โต๊ะ เก้าอี้ และบริการอาหารไทย-จีน โต๊ะไทยสำเร็จ หนึ่ง-หนุ่มบริการ ซึ่งเป็นรายใหญ่ของอำเภอสวี จ.ชุมพร เผยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมรับว่า ตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดแพร่กระจายไปทั่วหลายจังหวัดทั่วทั้งประเทศไทยและเพื่อเป็นการระงับการแพร่ระบาดมากขึ้นจนนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอความร่วมให้งดจัดกิจกรรมหรือจัดงานประเพณีต่างๆ ที่อาจสุ่มเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโรค โดยประชาชนชาวจังหวัดชุมพรได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีประกาศงดจัดงานประเพณีเช่นงานบวชทันที

นางวันดี เผยอีกว่า ครอบครัวตนประกอบกิจการย่างขึ้นปีที่ 17 เดิมมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 3 ล้านกว่าบาทต่อปี แต่เป็นรายได้รวมต่อปียังไม่หักค่าใช้จ่าย ซึ่งก็จะมีการลงทุนอยู่ตลอดทั้งปีเหมือนกันเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ทันตามยุคตามสมัยเช่นถ้วยจานปัจจุบันต้องใช้แบบอย่างดี อุปกรณ์อื่นๆ ก็เช่นกันเพราะธุรกิจต้องมีการแข่งขัน ล่าสุดเช่าซื้อรถหกล้อมาอีก 1 คัน หลังเจอพิษโควิด-19 ต้องหยุดทุกอย่างไม่มีรายได้แต่รายจ่ายเท่าเดิมตั้งแต่เดือนเมษายนที่จะถึงเจ้าภาพงานบวชยกเลิกไปแล้ว 3 ราย รายได้หายไปรายละประมาณ 5-6 หมื่นบาท อีกทั้งต้องดูแลลูกน้องอีกหลายสิบคน ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันดีต้องยอมรับให้ได้ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไปได้ และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ แต่เหตุการณ์จะยืดเยื้อและได้รับผลกระทบไปถึงเดือนพฤษภาคมหรือไม่นั้นก็จะต้องดูกันอีกทีเพราะยังมีงานรออยู่ 2-3 งาน 

ด้านนายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยล่าสุด ขณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าในจังหวัดชุมพรบริเวณด่านตรวจบ้านพละ อำเภอปะทิวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ยังไม่พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด- 19 โดยมีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 24 ราย ส่งตรวจแล้วไม่พบเชื้อ 19 ราย รอผลการตรวจอีก 5 ราย โดยขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนให้อยู่กับบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง 3 กลุ่ม ที่ไม่ควรออกจากบ้าน คือ ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป, เด็กเล็กกว่า 5 ปีลงมา, และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง โรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ และขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากส่วนราชการ หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมใส่หน้ากากผ้า เพื่อเป็นการป้องกันตนเองและผู้อื่น