วันที่ 13 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.สุนทร ภูตะวัน  พนักงานสอบสวน สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี  ได้รับแจ้งว่า มี เหตุฆ่ากันตาย บริเวณใต้สะพานมอเตอร์เวย์ สายช่วงมวกเหล็ก – โคราช ที่บริเวณหน้าวัดคั้นตะเคียน ม.2 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่สืบสวน   และกู้ภัยสว่างจุดมวกเหล็ก จ.สระบุรี

 

ในที่เกิดเหตุเป็นบริเวณก่อสร้างทางด่วน พบผู้เสียชีวิต ชื่อ นายสถาพร สาธุ อายุ 31 ปี  เลขที่ 134 ม. 9 ต. วังไทร อ. เมือง จ.ชุมพร ตามบัตรประชาชน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยช่างส่องเซอร์เวย์ทำถนนทางด่วนมอเตอร์เวย์  สวมใส่เสื้อยืดด้านในสีขาว เสื้อคลุมสีฟ้า กางเกงยีนส์ขายาว  นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตทับท่อนไม้เลือดไหลนองอยู่กับพื้น   และในบริเวณที่เกิดเหตุ ยังมีเหล็กเส้นวางกองอยู่   

ตรวจสอบสภาพศพ  มีบาดแผลฉกรรจ์ลึกหลายที่ เช่น  คอด้านหลัง   ศีรษะและหูด้านขวา  ข้อมือข้างขวา  ถูกฟันด้วยมีดตะขอ  ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร ยังพบ มีดตะขอเปื้อนเลือดตกอยู่ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน  ทราบชื่อคนร้าย นาย ชาฮัน อายุ 21ปี พึ่งมาทำงานก่อสร้างได้ประมาณ 1ปี เป็นคนลงมือใช้มีดตะขอฆ่า นายสถาพร จนถึงแก่ความตาย

 

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ความว่า นายช่างส่องเชอร์เวย์ในแคมป์คนงานดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถจยย. มาบริเวณแคมป์ที่คนร้ายนั่งอยู่กับพวกประมาณ 2-3 คน  แล้วมีปากเสียงกับคนร้ายในช่วงนั้น แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จนกระทั่งตอนบ่ายก่อนมาถูกฆ่าตาย ตนได้เห็นผู้ตายขับรถจยย.กลับมาที่ดังกล่าวอีก และทะเลาะกับคนร้ายซึ่งเป็นคนงานชาวเขมร  ได้มีการผลักกันไปมา แต่ไม่นึกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ตนจึงได้ทำงานต่อ สักพักได้ยินเสียงทั้งสองคนไล่ชกต่อยกัน และผู้ตายได้วิ่งหนีออกจากแคมป์คนงาน  โดยมีคนร้ายถือมีดตะขอวิ่งไล่ตามมา  จังหวะที่ผู้ตายวิ่งได้สะดุดท่อนไม้ล้มลง  คนร้ายจึงได้โอกาสเอามีดตะขอฟันไปอย่างไม่ยั้งจนผู้ตายเสียชีวิตคาที่  และคนร้ายได้วิ่งไปเอารถจยย.ของผู้ตาย ขับหลบหนีไปตามถนนบ้านซับพริก-ทีพีไอ  ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากการมีปากเสียงกันในเรื่องงาน  โดยมีการต่อว่ากันและทำให้คนร้ายเกิดบรรดาโทสะ จึงได้เอามีดตะขอฟันจนเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบและหาหลักฐานอีกครั้งหนึ่ง ส่วนในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามคนร้ายแล้ว  และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงให้ตั้งด่านตรวจช่วยอีกแรงหนึ่ง