เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 63 มีรายงานว่า พบผู้ป่วยลักษณะคล้ายติดเชื้อไข้หวัดจากไวรัสโคโรนา  ไปทำงานที่โรงงานในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเกิดโรคไข้หวัดโคโรนาระบาดจึงเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 63 ต่อมา 3 วัน มีอาการป่วยเป็นไข้จึงไปพบแพทย์ที่ รพ.มหาราช นครราชสีมา ซึ่งแพทย์ได้ตรวจอาการพบว่ามีอาการคล้ายกับผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดจากไวรัสโคโรนา จึงกักตัวและแยกผู้ป่วย พร้อมสั่งให้แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการรับมือ โดยสวมชุดป้องกันการติดเชื้อ พร้อมสั่งห้ามไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าใกล้บริเวณตึกหลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นอาคารที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่ เพื่อรอผลการตรวจเลือดยืนยันอาการอีกครั้ง 

 

ล่าสุด นายแพทย์ชุติเดช ตาบ-องครักษ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง แต่ทั้งนี้ หากผู้ป่วยมีอาการ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ และมีประวัติเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ให้นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดยด่วน

 

ด้าน  นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า มีหญิงรายหนึ่ง อายุ 34 ปี เป็นชาว อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองฉงฉิ่ง ประเทศจีน ไม่ใช่เมืองอู่ฮั่น

ต่อมาได้มีอาการเป็นไข้หวัด จึงได้มาให้แพทย์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทำการรักษา และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยทางโรงพยาบาลมหาราช ได้ยืนยันว่า หญิงรายนี้เป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแต่อย่างใด ส่วนอีกรายก็เป็นชาว อ.บ้านเหลื่อม ที่เพิ่งกลับมาจากประเทศจีน ป่วยเป็นไข้หวัดไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ ซึ่งล่าสุดก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาเช่นกัน ดังนั้ขอยืนยันว่า ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไร้ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 100%

จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ ขอให้ประชาชนได้เฝ้าสังเกตอาการของตนเอง และคนใกล้เคียงด้วย หากพบว่ามีอาการเป็นไข้หวัด หรือมีอาการคล้ายติดเชื้อไวรัสอะไรบางอย่าง ก็ขอให้รีบนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที ก็ขอให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันไว้ก่อน ซึ่งนอกจากจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ได้แล้ว ยังช่วยป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ได้อีกด้วย