ตชด.ด่านสิงขร ปะทะเดือด! ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ พร้อมยึดของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
20 ธ.ค. 2562, 10:07
วันที่ 20 ธ.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดาบตำรวจดำเนิน คุ้มสา หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายแผนระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ของ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ศอ.ปส.) จังหวัดประจวบ และ พลตำรวจตรี สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบ หลังจากที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในประเทศเมียนมาร์ ว่าจะมีขบวนการขนยาเสพติดชุดเดิมแอบลักลอบขนยาเสพติดข้ามมายังฝั่งชายแดนไทย โดยเปลี่ยนจากช่องทางธรรมชาติน้ำตกวังเป้า-โปร่งแดง บ้านย่านซื่อ หมู่ 12 ตำบลอ่าวน้อย มาเป็นช่องทางธรรมชาติช่องเขากล้วย หมู่ 6 บ้านด่านสิงขร ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ แทนจุดเดิมซึ่งอยู่ห่างจากช่องด่านสิงขรที่เป็นช่องทางหลักประมาณ 1 กิโลเมตร เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา โดยสามารถยึดของกลางเป็นกระท่อมผงบดละเอียดได้จำนวน 434 กิโลกรัม
หลังจากเช็คสำรวจข้อมูลข่าวสารที่ได้รับแล้วจึงรายงานให้ พันตำรวจเอก ปฐม อุ่นอบ ผกก.ตชด. 14 ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพันตำรวจตรี สัมฤทธิ์ จันทร์ประทัด ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 146 ได้ประสานการปฏิบัติกับ พันเอกธีรยุทธฑ์ เส้งรอด ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ตำรวจ สภ.คลองวาฬ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. 146 ด่านสิงขร เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.) ไปเฝ้าบริเวณช่องทางดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้ง ต่อมาพบกลุ่มชายจำนวนหนึ่งกำลังแบกหามกระสอบปุ๋ยจำนวนหลายใบข้ามชายแดนมายังฝั่งไทยบริเวณช่องทางธรรมชาติช่องเขากล้วย จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นพร้อมตะโกนบอกให้หยุด แต่กลับมีเสียงปืนดังขึ้นจึงทำให้เกิดการยิงปะทะต่อสู้กันใช้เวลาประมาณ 10 นาที จนทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดยอมทิ้งของกลางทั้งหมดไว้ในป่าแล้วถอยร่นหลบหนีเข้าป่าลึกไป แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวชายชาวกะเหรี่ยงผู้นำทางมาได้ 1 คน ทราบชื่อนายวิชัย โคสินธุ์ อายุ 34 ปี เป็นชาวกะเหรี่ยงบ้านป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ได้พร้อมอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีก 4 นัด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Vivo สีน้ำเงิน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ oppo สีดำ 1 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ my phone สีแดงอีก 1 เครื่อง ที่สามารถตรวจค้นเจอได้ภายในตัวของผู้ต้องหา จึงได้ยึดไว้ตรวจสอบพร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (พืชกระท่อมผงบดละเอียด) จำนวน 14 กระสอบ น้ำหนักรวม 578 กิโลกรัม มูลค่ารวม 1156000 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นหกพันบาท)
จากการสอบถามนายวิชัย ผู้ต้องหาชาวกะเหรี่ยง เบื้องต้นช่วงแรกให้การปฏิเสธว่าอาวุธปืนไม่ใช่ของตนเพื่อนฝากมาให้เอาไปคืนที่หมู่บ้านป่าละอู และยาเสพติดไม่ใช่ของตนตนไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอย่างละเอียดพบว่ามีการพูดคุยติดต่อสื่อสารสนทนากันระหว่างผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้กับผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ และมีการถ่ายภาพสถานที่ช่องทางลำเลียง และจุดนัดพบให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดด้วย จึงทำให้นายวิชัย ยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นชาวกะเหรี่ยงบ้านป่าละอู และเคยติดคุกในเรือนจำประจวบในข้อหาฆ่าคนตายมาแล้ว และพึ่งออกจากเรือนจำมาได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านสะพานสามฝั่งประเทศเมียนมาร์ และยอมรับสารภาพอีกว่า ของกลางกระท่อมผงบดทั้ง 14 กระสอบ พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ตรวจค้นพบนั้นเป็นของตนเอง โดยพืชกระท่อมผงบดละเอียดทั้งหมดตนเองกับพวกที่หลบหนี และร่วมกันครอบครองไว้เพื่อรอส่งมอบให้กับ นายศุภเดช เวนะ ที่จะเข้ามารับกระท่อมผงทั้งหมด โดยตนได้ค่าจ้างลำเลียงรอส่งมอบจำนวน 6,000 บาท ถ้างานสำเร็จตนเองจะได้รับเงินค่าจ้างจากนายพูโต้ สัญชาติเมียนมา ส่วนพวกที่หลบหนีไปจะได้ค่าจ้างเท่าไหร่ตนไม่ทราบ และพืชกระท่อมผงบดละเอียดทั้งหมดมาจากที่ใดตนก็ไม่ทราบ ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางดังกล่าว ตนและพวกที่หลบหนีไปมีไว้สำหรับป้องกันตัวเองและเอาไว้ดูแลยาเสพติดที่ตนและพวกทำอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดฐานร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อมผงบดละเอียด) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป