วันที่ 18 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 เพื่อยื่นหนังสือลับในการทวงถามความคืบหน้าการสืบสวน กรณี ผอ.โรงเรียนท่านหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของ ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ (ชะ-นก-ปะ-พัด) รัตนประเสริฐ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/21 ม.44 ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ธุรการ ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในสังกัดของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 และเป็นนักกีฬายิงปืนแบบรณยุทธ ทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกความ

โดย นายเจษฎา พรหมรักษ์ ทนายความ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก วันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ว่าที่ ร.ต.หญิง ฌณกฐ์ปภัสสญ์ หรือ ครูส้ม รัตนประเสริฐ ได้ เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง กรณีที่มีความสัมพันธ์กับ นายชัย (นามสมมติ) ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง มากว่า 8 ปี จนมาวันหนึ่ง ลูกความของตนจับได้ว่า ทาง ผอ.ได้ไปลักลอบคบกับ ครูสาวอีกโรงเรียนแห่งหนึ่ง และพยายามกลั่นแกล้งทุกวิถีทางเพื่อเลิกรากับลูกความของตน

นายเจษฎา ทนายความ กล่าวต่อว่า ทาง ผอ.ชัย ก็เริ่มหาเรื่องตนเองหนักขึ้น เหมือนจะทำให้ตนเองอยู่ไม่ได้ ให้ย้ายออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้ แม้กระทั่งไปแจ้งความว่าตนพกอาวุธปืน ขว้างโทรศัพท์ที่ตนซื้อให้ต่อหน้าเพื่อนครูด้วยกัน ต่อว่าประจานต่างๆ นาๆ และ ฟ้องทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงเรียน เพื่อบีบลูกความ และ เขต เรียกทั้งสองคนมาทำหนังสือสัญญาขึ้นมา 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 เมษายน 62 ที่ผ่านมา โดยระบุเชิงบังคับให้ตนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของ ผอ.ชัย อีกต่อไป และห้ามนำข้อมูลต่างๆ ที่ไม่ดี เข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล หรือระบบอื่น รวมทั้งห้ามพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง ลงชื่อร่วมกันทั้งสองคน โดยมีผู้บริหารท่านหนึ่งซึ่งเป็น เพื่อนสนิทของ ผอ.ชัย เป็นคนทำบันทึกดังกล่าว

นายเจษฎา กล่าวอีกว่า การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ต่อ นายอดุลย์ เงินศรี ผอ. สพป.เขต 2 เพื่อ สอบถามในเรื่องความคืบหน้าในกรณีที่ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม และเรื่องชู้สาวของ ผอ.ชัย ที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกความของตน ซึ่งเป็นสิทธิที่ประสงค์ทราบความคืบหน้าตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พุทธศักราช 2546 รายชื่อคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อรักษาสิทธิ์ในการพิจารณาการยอมรับหรือไม่ยอมรับรายชื่อคณะกรรมการด้วยเช่นกัน

“ทั้งนี้โดยตามปกติทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 2 ต้องเป็นผู้แจ้งมายังผู้ร้อง หากแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ที่ได้ให้สัมภาษณ์ทีวี หากแต่ร้องเรียน บัตรสนเท่ห์ แจ้งความ ลงข่าวในสังคม จะมีระยะเวลาที่แตกต่างและการพิจารณาที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ เกิดไม่ไว้วางใจและรู้สึกกังวลว่า เรื่องจะจบเงียบและไม่ดำเนินการใดๆ” นายเจษฎา กล่าว

ด้านนายอดุลย์ เงินศรี ผอ.สพป.เขต 2 หลังจากรับหนังสือ ได้กล่าวเพียงสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบ 30 วัน แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้กระทบต่อการเรียนการสอน และทั้งนี้จะต้องทำให้ทุกอย่างลงตัวที่สุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุดก่อนจะขอตัวไปประชุมกับเครือข่ายคณะกรรมการศึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ได้ทราบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ทาง สพป.เขต 2 ไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย แต่อย่างใด จะมีเพียงกลุ่มบริหารงานบุคคล ที่ทาง ผอ.เขต มอบให้เป็นผู้รับผิดชอบ ตั้งคณะกรรมการขั้นแรก ชุดสืบข้อเท็จจริง โดยมี ผอ.จากโรงเรียนในสังกัด เขต 2 จำนวน 3 ท่านเป็นคณะกรรมการ โดยจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 เดือน โดยให้เหตุผลที่ต้องใช้ระยะเวลานาน ก็เนื่องจากภาระหน้าที่แต่ละท่าน มีมาก มีเรื่องร้องเรียนเยอะ ทำให้เวลาลงดำเนินการสืบไม่ตรงกันอีกด้วย