ซึ่งในการนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ เป็นเหตุต่อเนื่องต่างกรรมต่างวาระ โดยในคดีแรกเป็นคดีของ พ.ต.ท.เอกชัย สอนขำ สารวัตรเวร เจ้าของคดี นำตัว นายสมชาย ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ ห้องพักวิลล่าแห่งหนึ่งใน หมู่ 4 ตำบลมะเร็ต โดยผู้ต้องหาได้ร่วมกับนายพรศิลป์ อาจสุรินทร์ อายุ 36 ปี พร้อมใช้ขวานทำร้ายนายไมเคิล อาโนวด์ ฮาน นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน จนได้รับบาดเจ็บ หลังก่อเหตุได้นำขวานที่ใช้ก่อเหตุไปซุกซ่อนในป่ามะพร้าว หลังสุขสบายรีสอร์ท ในซอยเตาเผาขยะเทศบาลนครเกาะสมุย พร้อมเข้าพักที่รีสอร์ทดังกล่าว โดยใช้เวลาทำแผน 1 ชั่งโมง ในคดีชิงทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวเจ็บ

 

 

และในคดีที่สอง คดีของ ร.ต.อ.ระวิ ณ บุญโน รองสารวัตรสอบสวน ได้ควบคุมตัว นายสมชาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในบ้านหัวถนน หมู่ 3 ตำบลมะเร็ต โดย นายสมชาย ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยได้กระโดดกำแพง ปีนเข้าไปและทำการงัดและทุบประตูจนกระจกแตก ก่อนมุดเข้าไปภายในห้องพัก และได้กระเป๋าสะพาย ภายในมีเงินสดไทยจำนวน 9,000 บาท และไม่มีการทำร้ายนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่นักท่องเที่ยวตื่นมาเห็น จึงได้คว้ากระเป๋าพร้อมเงินสดไทยจำนวน 9,000 บาท หลบหนี พร้อมขับรถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากเกาะสมุย และไปถูกจับกุมที่ ท้องที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายสมชาย หรือลาย ด้วงลาย ผู้ต้องหา ให้การเปิดใจกับผู้สื่อข่าว ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมต้องทำร้ายและชิงทรัพย์นักท่องเที่ยว นายสมชาย เปิดเผยว่า เนื่องจากในคดีแรก ตนกับเพื่อนตั้งใจจะเข้าไปลักทรัพย์ แต่บังเอิญ นักท่องเที่ยวมาพบเห็นเสียก่อน และนักท่องเที่ยวใช้ผ้าห่ม เข้ามาเพื่อมัดตัวตน และบังเอิญตนพบเห็นขวาน วางอยู่ จึงได้คว้าขวาน ทำร้าย ก่อนฉกกระเป๋าซึ่งภายในมีแต่บัตรเครดิตสองใบ เท่านั้น และได้แยกย้ายกันหลบหนี แต่นาย พรศิลป์ อาจสุรินทร์ ถูกจับได้ก่อน  

นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า หลังก่อเหตุจึงคิดหาหนทางหลบหนีออกจากเกาะสมุย และได้นำขวานไปทิ้ง ด้านหลังรีสอร์ท และเปิดห้องพักนอนเพื่อหาทางหลบหนี และตกดึกในคืนวันที่ 29 ตุลาคม จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนและได้บุกเข้าไปปีนกำแพง และงัดประตูและทุบกระจกประตูห้องพักของ นายลิม ไมเคิล คิมแฟน นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง และผู้เสียหายตื่นมาพบ ตนจึงได้เข้าไปหยิบกระเป๋าสะพาย ภายในมีเงินสดเพียง 9,000 บาทเท่านั้น โดยไม่ได้ทำร้ายแต่อย่างใด จากนั้นขับรถออก จากเกาะสมุย ในตอนเช้า

ผู้ต้องหายังให้การเปิดเผยอีกว่า “ที่ทำลงไปเพียงแค่ต้องการเงินเท่านั้น ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันหลังพ้นโทษออกมา เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน สังคมไม่ให้โอกาสตน และต่อมาตนได้หันไปขายลูกชิ้นแต่ไม่มีทุนต่อยอด ที่เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จึงได้เดินทางกลับมายังเกาะสมุย และยึดอาชีพ ตระเวนลักทรัพย์ ตนยืนยันว่า ที่ต้องยึดอาชีพลักทรัพย์ เนื่องจากสังคมไม่ให้โอกาสให้ทำงาน จึงต้องเป็นโจร และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดเขึ้นเพราะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว" ผู้ต้องหากล่าว

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหา กับนายสมชาย ทั้งสองคดี คดีต่างกรรมต่างวาระ ในคดีแรกที่ทำร้ายนักท่องเที่ยว ทาง พ.ต.ท.เอกชัย สอนขำ สาวัตรสอบสวน เจ้าของคดี แจ้งข้อกล่าว “ร่วมกันชิงทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ” ส่วนคดี ของ ร.ต.อ.ระวิ ณ บุญโน รองสารวัตรสอบสอน เจ้าของคดี ได้แจ้งข้อกล่าว ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาพนะ  พร้อมรวบรวบหลักฐาน เพื่อนำสำนวนคดีส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัตินายสมชาย ด้วงลาย มีประวัติก่อคดีมาอย่างโชกโชน ทั้งคดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ และทำร้ายนักท่องเที่ยว และยังมีคดีข่มขืนนักท่องเที่ยว เมื่อกลางปี 2551 ภายหลังพ้นโทษออกมา ยังไม่ทิ้งพฤติกรรมเดิม ยังก่อเหตุลักทรัพย์ชิงทรัพย์ เดินเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น