วันนี้ (13 มิ.ย. 2562) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้ขอสัมภาษณ์ นายชยานันท์ เล็กดารา เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เปิดเผยว่า มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถมาที่มูลนิธิฯ ตอนแรกคิดว่ามาทำบุญโลงศพ แต่ไม่ใช่ น้องเขายกมือไหว้ พร้อมกับกล่าวว่า พี่ ผมขอความช่วยเหลือหน่อยครับ ญาติผมตาย ศพอยู่โรงพยาบาลจะเอากลับบ้านที่ทองผาภูมิ เขาเรียก 6,500  ค่าฉีดศพ ค่าโลง ค่าไปส่งด้วย ผมไม่มีเงินกันเลย เพิ่งมาหาหมอได้ 2 วันเขาก็ตาย สรุปเราโทรหากรรมการ ประสานงานไม่ถึง 5 นาที ให้น้องไปรอที่ โรงพยาบาลแล้วบอกทางโรงพยาบาลไม่ต้องดำเนินการใดๆ ขอรถมูลนิธิแล้ว

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ยังบอกอีกว่า ฝากบอกต่อกันด้วย ใครติดขัดไม่มีเงินซื้อโลง มาขอได้ที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เอาเอกสารการตายมาใบเดียว ช่วยได้เต็มที่เท่าที่ช่วย คนไทย, คนมอญ, คนพม่า หรือต่างชาติก็ช่วย ขณะที่ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นจำนวนมาก

และในวันนี้เวลา 15.30 น. ที่ศาลาวัดทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพของ นางมะซานอู่ ผู้ตาย เป็นคนไทยเชื้อสายพม่า ซึ่งญาติกำลังทำพิธีรดน้ำศพ โดยมีลูกๆ ญาติและครอบครัว เพื่อนร่วมงานของผู้ตายมารดน้ำศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

 

ด้านนายอดุล ไม่มีนามสกุล ลูกชายผู้ตาย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า แม่ตนเองไม่สบายจึงพาไปโรงพยาบาลทองผาภูมิ พบว่าเป็นกรดไหลย้อน หรือเกี่ยวกับโรคกระเพาะ พอได้ยากลับมาอยู่บ้าน แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา พอไปพักได้ 2 วันถึงรู้ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และเสียชีวิต ก็ไม่ทันตั้งตัว เงินที่เตรียมไปไม่พอและเงินที่ทำงานยังไม่ออก ทางโรงพยาบาลขอค่าศพและค่านำทาง 6,500 บาท เงินของน้องๆ และพวกผมรวมกันแล้วไม่ถึงที่จะเอาศพแม่กลับบ้าน ก็เลยไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์

โดยติดต่อกับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อ นายเตี้ย ไปขอให้ เพื่อนผมพ่อตาเขาเสีย และเคยไปขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิฯ นี้ เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า เสียแค่ค่าน้ำมัน พอได้โลงศพมา ตนจึงรู้สึกดีใจและอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจน์ด้วย ถ้าไม่มีพี่ๆ มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์แม่ผมคงไม่ได้กลับบ้านเกิดเรา ซึ่งได้นำศพมาจากโรงพยาบาลพลหพลพยุหเสนา มาเมื่อวาน ตอน 18.00 น. มาถึงที่นี้ตอน 3 ทุ่ม