วันที่ 3 สิงหาคม 2567 สำนักข่าว aljazeera รายงานว่า Intel ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับโลก ได้ออกมาประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 15,000 คน หรือมากกว่าร้อยละ 15 ของพนักงานทั้งหมดทั่วโลก เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ในการแข่งขันกับ Nvidia และ AMD หลังบริษัทขาดทุนหนักต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ทางบริษัทมีแผนการปรับโครงสร้างใหม่โดยวางแผนจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 15,000 คน ที่มีฐานอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดต้นทุนลงราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้รายงานการขาดทุน 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน เมื่อเทียบกับกำไร 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า

ทางด้าน นายแพทริก พี. เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel Corp กล่าวว่า "พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ ทางบริษัทต้องปรับโครงสร้างต้นทุนของเราให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินงานใหม่ และเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการของเราโดยพื้นฐาน"

"รายได้ของเราไม่ได้เติบโตอย่างที่คาดไว้ และเรายังไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์ที่กำลังอยู่ในกระแสอย่าง AI ซึ่งต้นทุนของเราสูงเกินไป สวนทางกับกำไรที่ได้ เราจำเป็นต้องมีการดำเนินการที่กล้าหาญกว่านี้ เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์ทางการเงิน และแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งยากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้"

นอกจากนี้ หุ้นของ Intel ร่วงลง 20 เปอร์เซ็นต์ในการซื้อขายต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ผลิตชิปรายนี้มีแนวโน้มจะสูญเสียมูลค่ามากกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการอีกครั้งในวันศุกร์

แม้ว่า Intel จะเคยเป็นผู้นำตลาดชิปที่ใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึงศูนย์ข้อมูล แต่ปัจจุบัน Intel กลับต้องดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อตามให้ทัน Nvidia บริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ AMD ผู้ผลิตและผู้พัฒนา ซีพียู และเทคโนโลยีต่าง ๆที่ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปัญญาประดิษฐ์ (AI)