นายกฯ โต้ง เผยลาออกไม่ใช่ฉวยโอกาส แต่ต้องการให้ประชาชนได้ประโยชน์ ช่วง จ.ชุมพร ผจญมรสุมปลายปี
2 ส.ค. 2567, 12:00
หลังจากวันที่ 31 กค. 67 ที่ผ่านมานายนพพร อุสิทธิ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อ นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผวจ.ชุมพร แล้ว กกต. ชุมพร ก็ประกาศให้การลาออกจากตำแหน่งนายกฯ อบจ.ชุมพร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สค. 67 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวหลายสำนักจึงขอสัมภาษณ์ ถึงเหตุผลที่สำคัญของการลาออกในครั้งนี้
“นายกฯ โต้ง” นพพร อุสิทธิ์ อดีต นายกฯ อบจ. ชุมพร เปิดเผยกับสื่อที่มารอสัมภาษณ์ว่า “ข้อเท็จจริงแล้ว ผมต้องขอกราบเรียนต่อพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนชาวชุมพรว่า ผมเองก็ไม่ได้คาดว่าจะลาออกก่อนครบวาระ เพราะการลาออกก่อนครบวาระ 120 วัน มักจะถูกมองว่าเป็นเกมส์ทางการเมือง เพราะกฎหมายที่ กกต. นำมาบังคับใช้ ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารงานของ นายกฯ ชุมพร ไหนจะต้องออกไปช่วยประชาชน ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างจากการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ประชาชนชาวชุมพรต้องเสียโอกาสที่เราจะเข้าไปให้การช่วยเหลือเขา เราก็ทำไม่ได้ เพราะกฎหมาย 120 วันก่อนการเลือกตั้งบังคับไว้
โดยเฉพาะช่วงปลายปี จ.ชุมพร บ้านเราก็จะมีมรสุมเข้ามาในพื้นที่ อีก ซึ่งจะทำให้มีทั้งฝนตกและน้ำท่วม-น้ำหลากในหลายพื้นที่ ประชาชนเขาเดือดร้อนกันมากมาย เราก็จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือก็ไม่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ยังต้องรอรับความช่วยเหลือ ซึ่งเขารอไม่ได้ ทำให้พี่น้องประชาชนใน จ.ชุมพรในทุกพื้นที่เสียโอกาสจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวทั้งหมด
ที่กล่าวมามันคือประสบการณ์จริงที่ผมได้รับรู้ถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.ชุมพร ที่ทำให้เขาต้องมาเสียโอกาส แต่การที่ผมขอลาออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรเป็นเพียงตำแหน่งบริหารเท่านั้น ส่วนสภา อบจ.ชุมพร ก็ยังมี ปลัด อบจ.ชุมพร มานั่งรักษาการต่อยังมี สจ.ก็ทำงานสภาฯ สานต่อเดินหน้าโครงการต่างๆของ อบจ.ชุมพร ต่อไปได้โดยไม่เกิดช่องว่าง
ที่สำคัญประชาชนก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดและหากพื้นที่ใดของ จ.ชุมพร ประสบปัญหามรสุมในช่วงปลายปีทาง อบจ.ชุมพร ก็ยังเข้าไปให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นที่จะเสนอตัวเข้ามาสมัครลงชิง นายกฯ อบจ. ชุมพร ได้อย่างเท่าเทียมกันอีกด้วย ในส่วนของการบริหารงานของ อบจ.ชุมพร ก็จะมีความต่อเนื่องและข้าราชการก็จะมีความสะดวกแล้วสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องอึดอัด
ทั้งนี้ ผมยังมีความเชื่อมั่นว่า จากการบริหารงานต่างๆของ อบจ.ชุมพรที่ผ่านมา ทั้งเงินงบประมาณปี 66 และปี 67 ก็มีเงินงบประมาณเหลือจ่ายปีละไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทที่จะไปช่วยสนับสนุนพัฒนาปรับปรุงในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ และสามารถปรับปรุงสวนสมเด็จย่าฯ.ที่ อ.หลังสวน ที่สำคัญสภา อบจ.ชุมพร ยังสามารถอุดหนุนเงินในการร่วมจัดตั้งศูนย์หัวใจ รพ.ชุมพร เพื่อช่วยชีวิตคนชุมพรได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ก่อนที่ผมจะลาออกก็ยังได้กำชับให้สภา ตั้งโครงการเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและจัดตั้งแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรและการบริโภคให้เกษตรกรและประชาชนในช่วงฤดูแล้งอีกด้วย“ นายนพพร อุสิทธิ์ กล่าวปิดท้าย